ไทย-ลาว พร้อมเปิดด่านพรมแดนระหว่างประเทศ เข้มดูแลนักท่องเที่ยว

ไทย-ลาว พร้อมเปิดด่านพรมแดนระหว่างประเทศ เข้มดูแลนักท่องเที่ยว

นครพนม พร้อม 100% เปิดพรมแดนระหว่างประเทศ ผกก.ตม.สั่งการเข้าปฏิบัติหน้าที่ทุกจุดบริการดูแลนักท่องเที่ยว ปชช.

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ประกาศมติผ่อนผันมาตรการในการเดินทางเข้า-ออก สปป.ลาว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 65 เป็นต้นไป ทั้งนี้ จังหวัดนครพนมซึ่งมีพรมแดนด้านทิศตะวันออกติดกับ สปป.ลาว เริ่มจากเขตอำเภอบ้านแพง (ทิศเหนือ) ถึงอำเภอธาตุพนม (ทิศใต้) ประมาณ 174 กิโลเมตร โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดน และอยู่ตรงข้ามกับแขวงบอลิคำไซ และ แขวงคำม่วน ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤตโรคโควิดระบาด พลเมืองทั้งสองประเทศได้มีการเดินทางไปมาหาสู่กันประจำ โดยมีจุดผ่านแดนถาวร 2 แห่ง คือ

1.จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพ3 (นครพนม-คำมวน) บริเวณบ้านห้อม ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม เป็นเขตติดต่อกับบ้านเวินใต้ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน

2.จุดผ่านแดนถาวร ท่าเทียบเรือการท่องเที่ยว เขตเทศบาลเมืองนครพนม ติดต่อกับเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ปัจจุบันจุดผ่านแดนแห่งนี้ได้ลดระดับจากจุดผ่านแดนถาวร เหลือเพียงจุดผ่อนปรนเท่านั้น

นอกจากนี้ มีจุดผ่อนปรนอีก 4 แห่ง คือ

1.จุดผ่อนปรนบ้านหนาดท่า หมู่ 2 ต.บ้านกลาง อ.เมืองนครพนม เป็นเขตติดต่อกับ บ้านปากเป่ง เมืองท่าแขก

2.จุดผ่อนปรนบ้านโพธิ์ไทร ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง เป็นเขตติดต่อกับบ้านท่าสะอาด เมืองปากกระดิ่ง แขวงบอลิคำไซ

3.จุดผ่อนปรนบ้านธาตุพนมสามัคคี หมู่ 2 เขตเทศบาลตำบลธาตุพนม เป็นเขตติดต่อกับบ้านด่าน เมืองหนองบก แขวงคำม่วน

4.จุดผ่อนปรนบ้านท่าอุเทน เขตเทศบาลตำบลท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน เป็นเขตติดต่อกับบ้านหินบูน เมืองหินบูน แขวงคำม่วน
 

ก่อนหน้านี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (ศบค.) ได้ประกาศกำหนดมาตรการใหม่ การเดินทางเข้าประเทศทั้งทางบกและทางอากาศ มีผลวันที่ 1 พ.ค. 65 เป็นต้นไป ซึ่งจังหวัดนครพนมเป็น 1 ใน 17 จังหวัดที่มีชื่ออยู่การเปิดประเทศด้วย ก็ได้มีความพร้อมในการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้ง นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ก็ได้นำคณะกรรมการความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนไทย - ลาว จังหวัดนครพนมเดินทางไปประชุม 2 ฝ่าย ระหว่าง จังหวัดนครพนม กับ แขวงคำม่วน ครั้งที่ 12 ร่วมกับ ท่านวันไซ พองสะหวัน เจ้าแขวงคำม่วน ประธานร่วมคณะกรรมการความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนไทย–ลาว แขวงคำม่วน และคณะกรรมการฯ ฝ่ายสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ ห้องประชุม บ้านพักรับรอง เจ้าแขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากมีประกาศเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 65 เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม (ตม.) สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ศุลกากร กรมเจ้าท่า ฯลฯ ก็จัดเจ้าหน้าที่เข้าประจำการ ณ ท่าเทียบเรือการท่องเที่ยว เขตเทศบาลเมืองนครพนมอย่างคึกคัก แต่ยังคงติดปัญหาที่ยังไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการจาก สปป.ลาว

กระทั่งล่าสุด วันที่ 7 พ.ค. 65 สปป.ลาว ประกาศมาตรการในการเข้า-ออก สปป.ลาว และมาตรการผ่อนผันภายในประเทศ ในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 65 เป็นต้นไป

ล่าสุด วันนี้ (8 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้สำรวจความพร้อมด้านการขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ พบว่ารถบัสปรับอากาศ (บขส.) จำนวน 4 คันที่จอดอยู่ในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวท้ายเมือง เทศบาลเมืองนครพนม มีการทำความสะอาดทั้งในและนอกตัวรถ ทราบจากผู้เฝ้าปั๊มว่าคนขับได้เข้ามาตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ในเบื้องต้นแล้ว แต่ผู้สื่อข่าวได้สังเกตเห็นป้ายวงกลมบริเวณกระจกหน้ารถ พบว่าการต่อทะเบียนรถยนต์หมดอายุไปเมื่อปี 2564 คาดว่าวันจันทร์นี้คงมีการตรวจสภาพรถอย่างถูกต้องและต่อทะเบียนใหม่

ด้านท่าเทียบเรือการท่องเที่ยว เทศบาลเมืองนครพนม ยกเว้นสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 จุดนี้ถือว่ามีความพร้อมมากที่สุด ปัญหาคือถูกลดระดับจากด่านสากลเหลือเพียงด่านประเพณี หรือด่านท้องถิ่น จึงต้องรอคำสั่งจากเจ้าแขวงคำม่วนอนุมัติ ถ้าเจ้าแขวงฯ ลงนามเมื่อใดด่านประเพณี (จุดผ่อนปรน) อีก 4 แห่ง ก็ได้รับอานิสงส์ครั้งนี้ไปพร้อม ๆ กัน

ขณะที่ด่านสากลบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ยังคงมีรถขนส่งสินค้าระหว่างประเทศยื่นเอกสารในการข้ามแดนอยู่ตลอดเวลา โดยมีเจ้าหน้าที่ ตม.,ศุลกากร เข้าประจำการปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดบริการ โดย พ.ต.อ.สมเกียรติ สนใจ ผกก.ตม.นครพนม เปิดเผยว่าทาง ตม.ฯมีความพร้อม100 %ด้านการดูแลนักท่องเที่ยว และประชาชน ที่จะเดินทางข้ามไปมา แม้ในช่วงปิดด่านพรมแดนจากสถานการณ์โรคโควิดระบาด ตม.นครพนมก็ยังคงให้บริการความช่วยเหลือพี่น้องชาวลาว ที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนาอยู่เนืองๆ ด้วยการประสานทางการลาวนำรถมารับกลับ ถึงขณะนี้แม้ยังอยู่ในขั้นตอนของเจ้าแขวง ก็สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ตามหนังสือที่ประกาศออกมาเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว สปป.ลาวรายงานจากห้องว่าการสำนักนายกรัฐมนตรี ขอถือเป็นประกาศแจ้ง การตกลงและชี้นำของรัฐบาลเพื่อทราบและปฏิบัติ ดังนี้

1.มีมติผ่อนผันมาตรการในการเข้า-ออก สปป.ลาว ดังนี้

1.1เปิดด่านสากลทุกด่าน สำหรับการเข้าออกของพลเมืองลาว คนต่างด้าว คนต่างประเทศและคนไม่มีสัญชาติ

1.2อนุญาตให้พลเมืองของบรรดาประเทศที่มีสัญญายกเว้นวีซ่ากับ สปป.ลาวแบบสองฝ่ายหรือฝ่ายเดียวสามารถเดินทางเข้า สปป.ลาว โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า

1.3สำหรับพลเมืองของบรรดาประเทศที่ไม่มีสัญญายกเว้นวีซ่า กับ สปป.ลาว ท่านสามารถขอวีซ่าจากสถานทูต สถานกงสุล แห่ง สปป.ลาว ที่ประจำอยู่ต่างประเทศหรือ ผ่านระบบe-visaหรือขอวีซ่ากับด่านอยู่ด่านสากลที่มีหน่วยงานวีซ่ากับด่าน

1.4พลเมืองลาว คนต่างด้าว คนต่างประเทศ แล้วคนไม่มีสัญชาติ อายุตั้งแต่12ปีขึ้นไป ที่ยังไม่มีหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส ต้องมีผลตรวจโควิด19ด้วยวิธีATKภายใน48ชั่วโมงก่อนออกจากประเทศต้นทาง เมื่อเดินทางมาถึง สปป.ลาวแล้ว ไม่จำเป็นต้องตรวจตัวอย่างหาเชื้อโควิด-19อยู่สนามบิน หรืออยู่ด่านชายแดนสากลทางบก หรือทางเรืออีก

ส่วนผู้ที่มีหนังสือยืนยันการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถเดินทางเข้ามา สปป.ลาว ได้ปกติ โดยไม่เรียกร้องให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19อีก ทั้งจากประเทศต้นทาง แล้วเมื่อเดินทางมาถึง สปป.ลาว

1.5สำหรับคนต่างประเทศ ที่เดินทางเข้ามา สปป.ลาว กรณีมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถเข้าใช้การบริการรักษาอยู่โรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน หรือรักษาตนเองอยู่ ณ สถานที่พัก (Home isolation)ตามที่ได้กำหนดในคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

2.มีมติอนุญาตให้ใช้ยานพาหนะประเภทต่างๆ เข้า-ออกสปป.ลาว เหมือนกับช่วงก่อนการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด19โดยมอบให้กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง ออกคำแนะนำเกี่ยวกับการนำใช้ยานพาหนะส่วนบุคคล โดยสาร และท่องเที่ยวเข้า-ออก สปป.ลาว ให้สอดคล้องกับสัญญา2ฝ่ายและ หลายฝ่าย ที่ สปป.ลาว เป็นภาคี

3.ให้บรรดากระทรวง องค์การเทียบเท่าและองค์การปกครองท้องถิ่นทุกระดับ ตลอดจนผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ เตรียมความพร้อมทุกด้านในการบริการต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร การบริการขนส่งและอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการบริการและการท่องเที่ยว ให้ได้มาตรการและมีคุณภาพดีกว่าเก่า โดยให้ถือว่าการทำงานบริการและการท่องเที่ยวเป็นความรับผิดชอบส่วนรวมของทุกภาคส่วนในสังคมเพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจและปรับปรุงชีวิตการเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น

4.มีมติให้เปิดสถานบันเทิง และคาราโอเกะ แต่ให้เอาใจใส่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันcovid-19อย่างเข้มงวด

5.มอบหมายให้คณะเฉพาะกิจป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19สมทบกับแขนงสาธารณสุข ติดตามเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสcovid-19สายพันธุ์ใหม่ เพื่อรับประกันให้แก่การป้องกัน ควบคุม ตรวจวิเคราะห์ และการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล พร้อมทั้งการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

6.มาตรการที่ได้ระบุตั้งแต่ข้อที่1-5ข้างต้น ให้มีผลถือปฏิบัติเริ่มตั้งแต่วันที่9พฤษภาคม2565เป็นต้นไป