ธ.ก.ส. เปิดเงื่อนไข “ประกันภัยข้าวนาปี 2565” คุ้มครองสูงสุด 1,190 บาท/ไร่
เช็คเงื่อนไขโครงการ "ประกันภัยข้าวนาปี 2565" ธ.ก.ส. จ่ายเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำสุด 27 บาทต่อไร่ และคุ้มครองสูงสุด 1,190 บาท/ไร่ เกษตรกรอยากได้สิทธิต้องทำอย่างไรบ้าง?
เริ่มแล้ว สำหรับโครงการ "ประกันภัยข้าวนาปี 2565" ที่มติครม. เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 เห็นชอบโครงการ "ประกันภัยข้าวนาปี" ปีการผลิต 2565 วงเงิน 1,925.07 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรมีเครื่องมือจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติผ่านระบบการประกันภัย และเป็นการต่อยอดความช่วยเหลือของภาครัฐในการรองรับต้นทุนการเพาะปลูกข้าวให้กับเกษตรกรเมื่อประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งรูปแบบโครงการส่วนในปีนี้จะมีลักษณะเช่นเดียวกันกับปี 2564
ซึ่ง "ประกันภัยข้าวนาปี 2565" รัฐบาลจะอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย Tier 1 ร้อยละ 60 และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย Tier 1 ร้อยละ 40 แบ่งการรับประกันภัยออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การรับประกันภัยพื้นฐาน (Tier 1) และการรับประกันภัยโดยภาคสมัครใจของเกษตรกร (Tier 2) โดยวางเป้าหมายพื้นที่ปลูกข้าวกว่า 28 ล้านไร่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“ประกันภัยข้าวนาปี 2565” มีอัตราค่าเบี้ยประกันภัย ดังนี้
ผู้เอาประกันต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ที่ขึ้นทะเบียน และแจ้งปรับข้อมูลเกษตรกับกรมส่งเสริมการเกษตร (ทบก.) ในปีการผลิต 2565/66
1.ประกันภัยพื้นฐาน (Tier 1)
รัฐบาลจะเป็นผู้สนับสนุนค่าเบี้ยประกัน 59.40 บาทต่อไร่ เกษตรกรสามารถเลือกซื้อประกันขั้นพื้นฐานตามพื้นที่ความเสี่ยง (Tier 1) ได้แก่
- พื้นที่เสี่ยงต่ำ 99 บาทต่อไร่
- พื้นที่ความเสี่ยงกลาง 199 บาทต่อไร่
- พื้นที่ความเสี่ยงสูง 218 บาทต่อไร่
- (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยมีวงเงินคุ้มครองสำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด 7 ภัย จำนวน 1,190 บาทต่อไร่ และกรณีศัตรูพืช และโรคระบาด วงเงินความคุ้มครอง 595 บาทต่อไร่
กรณีเกษตรกรลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อกับ ธ.ก.ส. จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยเพียง 99 บาท ในทุกพื้นที่ความเสี่ยง และทุก ๆ ยอดสินเชื่อ 4,000 บาท ธ.ก.ส. จะสนับสนุน ค่าเบี้ยประกันให้ฟรี 39.60 บาท ซึ่งทำให้เกษตรกรลูกค้าสามารถทำประกันภัยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
2. ประกันภาคสมัครใจ (Tier 2)
กำหนดชำระค่าเบี้ยประกันได้ด้วยตนเอง แบ่งตามความเสี่ยงของพื้นที่ ได้แก่
- พื้นที่เสี่ยงต่ำ 27 บาทต่อไร่
- พื้นที่ความเสี่ยงกลาง 60 บาทต่อไร่
- พื้นที่ความเสี่ยงสูง 110 บาทต่อไร่
(ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) วงเงินคุ้มครองเพิ่มอีก 240 บาท กรณีเกิด 7 ภัยธรรมชาติ และวงเงินคุ้มครองเพิ่ม 120 บาท กรณีโรคระบาด/ศัตรูพืช
เกษตรกรผู้เอาประกันภัยต้องทำอย่างไร?
- กรณีเกิดภัยพิบัติ หรือพื้นที่ดังกล่าวได้รับการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ
เกษตรกรผู้ทำประกันภัยที่ได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งความเสียหายได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ ซึ่งสำนักงานเกษตรอำเภอ จะส่งข้อมูลไปยังสมาคมวินาศภัย เพื่อประเมินข้อมูลความเสียหาย เมื่อตรวจสอบครบถ้วนแล้ว สมาคมฯ จะพิจารณาจ่าย ค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไข ภายใน 15 วัน ผ่านระบบ ธ.ก.ส. โดยเข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรโดยตรง
เกษตรกรสามารถบันทึกข้อมูลความเสียหายผ่านแอปพลิเคชั่น “มะลิซ้อน” เพื่อให้สมาคมวินาศภัยไทย พิจารณาให้ความช่วยเหลือ กรณีพื้นที่ภัยพิบัติอยู่นอกเขตประกาศตามเกณฑ์เพิ่มเติมต่อไป
ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถตรวจสอบสิทธิการทำประกันภัย หรือซื้อประกันภัยเพิ่มเติมอีกได้ผ่านทางแอปพลิเคชั่น “BAAC Insure” โดยดาวน์โหลดได้ผ่านระบบ IOS และ Android หรือเพียงนำบัตรประชาชนไปติดต่อ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ก็สามารถซื้อประกันได้เลยทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center 02 555 0555 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่