สสจ.ชัยภูมิ ยืนยัน ไม่มีจนท.สาธารณสุข เป็นลูกศิษย์สำนักลัทธิ "พระบิดา"

เมื่อวันที่ 10 พ.ค.65 นายแพทย์วชิระ บถพิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ กล่าวถึงกรณีหลัง "หมอปลา" ได้ประสาน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.ชัยภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อ.ภูเขียว และ อ.คอนสาร บุกค้นสำนักปฏิบัติธรรมประหลาด "พระบิดา" ในพื้นที่ ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 65 ที่ผ่านมานั้น และ พบ 11 ศพ อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว โดยยังไม่มีเอกสารยืนยันตัวตนว่าเป็นใครในขณะนี้รวม 5 ศพ  จึงได้เกิดการต่อว่าหญิงที่ใส่เสื้อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขขึ้น และมีการพาดพิงว่ามีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้าไปเกี่ยวข้องถึงความไม่เหมาะกับการเข้าไปเกี่ยวข้องกับลัทธิดังกล่าว พร้อมออกมาให้ข่าวกับหลายสำนักว่าแม้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังเป็นลูกศิษย์เจ้าสำหนักประหลาด

หลังได้ร่วมกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เข้าตรวจสอบพื้นที่พบศพ 11 ศพ ขั้นตอนต่อไปจะอยู่ในขั้นตอนการชันสูตรศพให้ชัดเจนทั้งหมดในวันนี้อีกครั้ง โดยจะร่วมกับทางนิติเวชแพทย์โรงพยาบาลชัยภูมิ ดำเนินการชันสูตรศพเพิ่มเติมในวันนี้อีกครั้ง

ส่วนกรณีที่มีการระบุว่ามีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปอยู่ในทีมหนึ่งของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ว่าเป็นลูกศิษย์ หรือสาวกของลัทธิ "พระบิดา" ด้วยนั้น ทางหน่วยงานสาธารณสุขขอยืนยัน และขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่าไม่มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปร่วมอยู่ในกลุ่มนี้เด็ดขาด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• เปิดใจพี่ชายสำนักพระบิดา ศพ 1 ในนั้นคือแม่
• ศาลจังหวัดภูเขียว ให้ประกันตัว "พระบิดา" แจ้ง 4 ข้อหนัก
• อัปเดต "พระบิดา" ล่องหนหลังได้ประกัน ญาติเย้ย "หมอปลา" เก่งจริงหาให้เจอ

ซึ่งความจริง คือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท่านนี้ ได้ร่วมกับคณะของตรวจสอบของอำเภอคอนสาร เข้าไปในพื้นที่ โดยลักษณะของคุณหมอตุ้ยคนที่ถูกพาดพิงนั้น เขาจะเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนการทำงานในพื้นที่ จะเริ่มจากการเข้าไปสร้างสัมพันธภาพทักทายกันก่อน ก็เห็นว่าเป็นผู้สูงอายุก็ยกมือไหว้ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้ไปถวายของ ไม่ได้เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ได้เข้าไปนับถือแต่อย่างใด และจากการตรวจค้นเวชระเบียนของโรงพยาบาลคอนสาร และโรงพยาบาลใกล้เคียง ก็ไม่ปรากฏว่านายทวี วัย 74 ปี ฤาษีเจ้าลัทธิดังกล่าว รายนี้เข้าไปรับบริการในสถานบริการของรัฐแต่อย่างไร

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบุคคลที่เข้าไปร่วมนับถือ อยู่ในบริเวณที่ตำบลดงกลาง ใน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ แห่งนี้ ขณะนี้เองก็ขอเชิญชวนให้มาตรวจสุขภาพกันทุกคนเพื่อตรวจหาเชื้อโรคต่างๆ และเคยกินของเสีย จากการรักษาประหลาดทั้งกินปัสสาวะ ขี้ไคล เสมหะ และอุจจาระ ที่อาจเสี่ยงมีผลกระทบติดเชื้อรุนแรงในร่างกายตามมาในครั้งนี้ด้วย

รวมทั้งในส่วนของพื้นที่ตั้งสำนักประหลาด ดังกล่าวในขณะนี้ เมื่อมีการเคลื่อนย้ายศพทั้งหมด 11 ศพออกมาจากสำนักดังกล่าวไปแล้ว แต่ยังไงก็ตามพื้นที่ตรงนั้นยังมีพวกสิ่งโสโครกอยู่ มีความเสี่ยงเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคต่างๆ และส่งกลิ่นสร้างความรำคราญให้กับประชาชนใกล้เคียง ทำให้พื้นที่ในจุดนี้ไม่ปลอดภัย

ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ ได้ร่วมกับทาง อบต.ดงกลาง ได้ประกาศใช้พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 ประกาศให้เป็นพื้นที่เขตรำคาญ เป็นพื้นที่ห้ามเข้าออกเด็ดขาด เพื่อไม่ให้มีการเข้าไปในพื้นที่จนกว่าทางชุด จนท.จะดำเนินการระงับเหตุรำคาญหรือว่าทำความสะอาดในพื้นที่ทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อนและชาวบ้านใกล้เคียง รวมทั้งสาวก หรือลูกศิษย์ ฤาษี หรือนายทวี วัย 74 ปี ชาว จ.ขอนแก่น หรือ "พระบิดา"

ที่ล่าสุดถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คอนสาร ได้แจ้งข้อหาเบื้องต้น 2 ข้อหาในข้อหาบุกรุกพื้นที่สาธารณะ และฝ่าฝืน พ.ร.ก.โรคติดต่อโควิด-19 ซึ่งได้รับการประกันตัวเดินทางกลับไปพักอยู่ที่บ้านญาติตนเองที่ จ.ขอนแก่นแล้ว เพื่อรอ จนท.รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกรวม 4 ข้อหา ในข้อหาเพิ่มเติม 

1.ข้อหาการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์

2.ข้อหาการรักษาโรค ผิด พ.ร.บ. เวชกรรม ที่ไม่เป็นไปตามหลักสาธารณสุข

3.ข้อหาการเคลื่อนย้ายศพจัดการศพ

4.ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ตาม พ.ร.ก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพิ่มเติมต่อไป

ในช่วงระหว่างที่รอ จนท.ตร.รวบรวมหลักฐานดำเนินคีดเพิ่มเติม ไม่ว่าทาง นายทวี หรือเจ้าสำนักฤาษีลัทธิรายนี้ จะไม่สามารถเข้ากลับมาอยู่ที่สำนักดังกล่าวรวมทั้งห้ามประชาชนทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุขเข้าพื้นที่ สำนักลัทธิดังกล่าวทั้งหมดโดยเด็ดขาด ซึ่งมีกฏหมายควบคุมหากผู้ใดฝ่าฝืนลุกล้ำเข้าไปในพื้นที่อีกต้องถูกจับกุมตามกฏหมายด้วยทุกคนในครั้งนี้ด้วย

ขณะนี้ ทางหน่วยงานสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ทั้ง 16 อำเภอ จะมีการเข้าตรวจสอบค้นหาว่ามีการดำเนินการ หรือมีการกระทำลักษณะเช่นนี้ในพื้นที่อื่นๆด้วยอักหรือไม่ หากพบจะต้องถูกดำเนินจับกุมทุกพื้นที่ด้วยทันที ส่วนในพื้นที่ ต.ดงกลาง ลูกศิษย์ฤาษี เจ้าลัทธิรักษาโรคอุบาทว์ครั้งนี้ ล่าสุดตรวจสอบส่วนใหญ่ไม่ใช่คนในพื้นที่ และมีอยู่ประมาณ 100 คน ที่ต้องห้ามเข้าไปใช้พื้นที่ตั้งสำนักดังกล่าวกลับคืนมาไม่ได้อีกเด็ดขาดด้วย