99 ปี "วันอาภากร" กองทัพเรือจัดกิจกรรมน้อมรำลึก
ผบ.ทร. จัดกิจกรรมวัน “อาภากร” น้อมรำลึก พระกรุณาคุณองค์บิดาของทหารเรือไทย ในวาระครบรอบ 99 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์
19 พฤษภาคม 2565 เวลา 08.30 น. พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย เนื่องในวันอาภากร ณ พระอนุสาวรีย์ฯ หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยมี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ราชสกุลอาภากร สมาคมภริยาทหารเรือ ตลอดจนผู้แทนหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ร่วมพิธี
ต่อมาในเวลา 10.00 น ผู้บัญชาการทหารเรือ ตลอดจนผู้ร่วมพิธีทั้งหมด ได้ร่วมในพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน อุทิศถวาย พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ วิหารน้อย ภายในสุสานหลวง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยวิหารน้อย เป็นที่บรรจุ พระอังคารและพระอัฐิของพระราชโอรสและพระราชธิดา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์ ที่ประสูติในเจ้าจอมมารดาแพ และเจ้าจอมมารดาโหมด หลายพระองค์ รวมถึง พระอัฐิ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และปัจจุบันก็ยังคงใช้เป็นที่บรรจุ อังคารและอัฐิของสมาชิกราชสกุลอาภากรและราชสกุลสุริยง มาจนถึงปัจจุบัน
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ เจ้าจอมมารดาโหมด ในปีพุทธศักราช 2439 เสด็จไปศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ ก่อนจะกลับเข้ามารับราชการในกองทัพเรือ
โดยตลอดระยะเวลาที่พระองค์ รับราชการในกองทัพเรือนั้น ทรงมีคุณูปการแก่กองทัพเรือเป็นอเนกอนันต์อ อาทิ ทรงปรับปรุงการศึกษาของโรงเรียนนายเรือให้เจริญก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้ทหารเรือไทยมีความรู้ ความชำนาญ โดยไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างประเทศ ทรงเป็นผู้บังคับการเรือหลวงมกุฎราชกุมาร นำนักเรียนนายเรือ และนักเรียนนายช่างกล ไปฝึกภาคต่างประเทศ ได้ทรงนำเรือแวะที่สิงคโปร์และเปลี่ยนสีเรือมกุฎราชกุมาร จากสีขาวเป็นสีหมอกให้เหมือนกับเรือรบต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความกลมกลืนกับลักษณะของสีน้ำทะเล และภูมิประเทศ ซึ่งกองทัพเรือได้นำสีดังกล่าวมาใช้เป็นสีเรือทุกลำของกองทัพเรือ ตราบจนปัจจุบัน ทรงเป็นผู้บังคับการเรือหลวงพระร่วง และทรงนำเรือเดินทางจากประเทศอังกฤษกลับมายังประเทศไทย นับเป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทยเดินเรือได้ไกลข้ามทวีป ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 2465 พระองค์ได้กราบบังคมทูล ขอพระราชทานที่ดินพื้นที่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพเรือ และหน่วยกำลังรบต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งมาจนถึงปัจจุบัน
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้กราบบังคมทูลออกจากราชการเพื่อพักผ่อนรักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 17 เมษายน พุทธศักราช 2466 เนื่องจากพระองค์ทรงมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ และประชวรพระโรคภายในอยู่ด้วย โดยทรงประทับอยู่ทางใต้ของปากน้ำเมืองชุมพร ขณะที่พระองค์ประทับอยู่นี้ก็เกิดพระโรคหวัดใหญ่ เนื่องจากถูกฝน ทรงประชวรอยู่เพียง 3 วัน ก็สิ้นพระชนม์ ที่ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ในวันที่ 19 พฤษภาคม พุทธศักราช 2466 สิริพระชนมายุ 43 พรรษา
ด้วยพระกรณียกิจตลอดระยะเวลาที่ทรงรับราชการทหารเรือ ส่งผลให้กองทัพเรือ มีความเจริญก้าวหน้า สามารถทำหน้าที่รั้วของชาติทางทะเลได้อย่างเข้มแข็งสืบต่อมา ซึ่งนับเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง กองทัพเรือจึงได้ประกาศขนานพระนามเป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย” และได้กำหนดให้วันที่ 19 พฤษภาคมของทุกปี อันเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เป็น “วันอาภากร” โดยกำหนดจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระกรุณาคุณ ของพระองค์ท่านเป็นประจำทุกปี
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ที่ยังคงแพร่ระบาด กองทัพเรือจึงได้ปรับลดจำนวนผู้ร่วมงานและการเพิ่มมาตรการเว้นระยะห่าง จาก จากเดิมที่มีผู้ร่วมพิธีประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ราชสกุลอาภากร สมาคมภริยาทหารเรือ องค์กรภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาในพื้นที่ เหลือเพียงในส่วนของ กองทัพเรือ โดย ผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ผู้แทนราชสกุลอาภากร โดย หม่อมราชวงศ์ จิยากร อาภากร เสสะเวช ประธานกรรมการมูลนิธิ ราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และสมาคมภริยาทหารเรือ โดย นางศิริรัตน์ นิลสมัย นายกสมาคมภริยาทหารเรือ แต่ยังคงไว้เฉพาะพิธีการสำคัญ คือ พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ และพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน ทั้งนี้ในช่วงบ่าย กองทัพเรือ ร่วมกับ จังหวัดชุมพร และ มูลนิธิกรมหลวงชุมพรหาดทรายรี มีกำหนดจัดกิจกรรม ณ ศาลกรมหลวงชุมพรหาดทรายรี อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ประกอบด้วย พิธีบวงสรวง พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน พิธีเปิดพระอนุสาวรีย์ ใต้ต้นหูกวางหาดทรายรี พิธีวางศิลาฤกษ์กระโจมไฟ โดยมี ผู้บัญชาการทหารเรือ
เป็นประธานในพิธี ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ ในวันนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระกรุณาคุณ ตลอดจนถวายเป็นพระกุศลแด่ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย ที่ทรงมีพระกรุณาคุณต่อกองทัพเรือเป็นอเนกอนันต์