"ท็อปกัน มาเวอริค" ภาพยนตร์มาแรง "ทอม ครูซ" ชูโรง เช็กคำวิจารณ์
พลาดไม่ได้ หนังฟอร์มยักษ์ระดับโลก "ท็อปกัน มาเวอริค" ภาพยนตร์มาแรง "ทอม ครูซ" ชูโรง เช็กคำวิจารณ์ Top Gun Marverick
หนังน่าดู "ท็อปกัน มาเวอริค" ภาพยนตร์มาแรง "ทอม ครูซ" ชูโรง หลายคนอยากไปดูในโรงภาพยนตร์ อยากรู้คำวิจารณ์ เช็กที่นี่
Top Gun: Maverick เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ หลังจากที่รอคอยมานาน 30 กว่าปี ทอม ครูซ ได้กลับมารับบทนำอย่าง พีท “มาร์เวอริค” มิทเชล อีกครั้ง หลังจากปี 1986 และครั้งนี้เขาก็กลับมารับบทนำในฐานะ “มาร์เวอริค” เช่นเคย พร้อมกับเหล่าคำวิจารณ์ที่บอกกันว่านี่คือสุดยอดภาพยนตร์แห่งปี มาดูกันว่าจะมีใครที่ออกมาชมเชยถึงเรื่องนี้กันบ้าง
บทวิจารณ์ เริ่มจาก แรนดี้ ไมเยอรส์ จากสำนักข่าว San Jose Mercury News ที่ออกมาบอกว่าเป็นภาพยนตร์ช่วงฤดูร้อนที่ดีที่สุดสำหรับเขาเลย “Top Gun: Maverick เป็นหนึ่งในเรื่องที่ดีที่สุดในฤดูร้อนนี้เลยครับ คุณจะวางป๊อบคอร์นไม่ลงเลยทีเดียว”
ด้าน เคธี่ วอล์ลช์ จาก Tribune News Service ได้ออกมาเปิดเผยว่า ทอม ครูซ นั้นคือฮีโร่ที่วงการภาพยนตร์ต้องการเลยทีเดียว “นี่คือหนังของมาร์เวอริคจริงๆค่ะ ทอม ครูซ ไม่ได้แค่จะจบเพียงแค่ Top Gun แต่ยังสานต่อความเป็นภาพยนตร์ภาคต่อได้อย่างดีเยี่ยม ทอม ครูซ คือฮีโร่ที่วงการภาพยนตร์ต้องการจริงๆค่ะ”
มาอีกหนึ่งนักวิจารณ์อย่าง แรเฮยาน ซิมอนพิลไล จากสื่อ NOW Toronto ได้ออกมาพูดว่าภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick คือเรื่องที่หายากมากๆที่ใช้ทั้งสตันท์แมนและรวมไปถึงเอ็ฟเฟ็คพร้อมกันกับการแสดงที่สมจริงที่สุด เขาถึงกับพูดออกมาเองว่านี่คือภาพยนตร์ที่มีคุณภาพมากๆอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวล่ะ
ภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick ได้มีการนำฉายเป็นรอบก่อนออกสื่อซึ่งเรียกกันว่ารอบ world premier ที่ได้ฉายไปแล้วในเทศกาลภาพยนตร์คานส์ และนั่นเองก็ได้ส่งผลให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำชมเชยอย่างล้มหลามจนผู้คนที่ได้ดูถึงกับต้องแห่กันยืนปรบมือให้นานถึง 5 นาที
ขณะที่ ผู้ชมหนังในไทย ดร.ฐณยศ โล่ห์พัฒนานนท์ ได้โพสต์เฟซบุ๊คเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ว่า Top Gun: Marverick เก็บฟุตเตจไปทั้งสิ้น 800 ชั่วโมง เท่ากับฟุตเตจของ The Lord of the Rings สามภาครวมกัน ส่วนใหญ่เป็นฟุตเตจบนฟ้าซึ่งผู้กำกับฯ ไม่ได้ควบคุมการถ่ายด้วยตัวเอง แต่ให้นักแสดงกับนักบิน Top Gun ตัวจริงเป็นคนถ่ายภาพระหว่างขึ้นบิน แปลว่า ภาพที่เห็นในหนังคือภาพจริง ถ่ายด้วยเครื่องจริง และทั้งนักแสดงกับนักบินต้องเรียนรู้ปฏิบัติการกล้องกับการจัดแสงจริง ๆ ผู้กำกับฯ บอกว่าภาพแบบนี้ให้อารมณ์ได้ดีกว่าการทำคอมพิวเตอร์กราฟิกมากมาย
Top Gun เป็นชื่อเรียกของสุดยอดนักเรียนเสืออากาศประจำสุดยอดโรงเรียนการบินของสหรัฐฯ ทั้งเรื่องจึงว่าด้วยการบิน บิน บิน แล้วก็บิน ที่ไปดูเพราะหลงใหลมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว จำได้ว่า เริ่มรู้จักวัฒนธรรมอเมริกันจากในเรื่องนี้ เห็นความเท่ ความบ้าบิ่น จนมอง Top Gun เป็นภาพสะท้อนของ Cool America แค่วิถีอเมริกันในเรื่องก็บันเทิง เมื่อบวกเส้นเรื่องมัน ๆ ก็ยิ่งบันเทิงคูณสอง
ระหว่างที่ดู Top Gun: Marverick คิดในใจว่า จะขายอะไรได้อีก ด้วยภาพเครื่องบินรบดูจำเจไปเยอะ การปูพื้นบางช่วงรู้สึกเหมือนไม่จำเป็น ตัวละครบางตัวก็ไร้เสน่ห์ แต่พอดูไป ๆ ทุกอย่างเริ่มงวดเข้าจนพาเราไปสู่จุดพีคปลายเรื่อง อะไรที่น่าเบื่อถูกใส่ลงไปเพื่อช่วยบิ้วความพีคนี่แหละ ดูจบตบมือดัง ๆ มันไม่ได้มีแต่ความมัน แต่รวมความซาบซึ้งจากทั้งบทและตัวละคร โดยตัวละครต้องเอาชนะใจตัวเองและพัฒนาความสัมพันธ์เพื่อเติบโต การเรียนรู้คติธรรมของการอยู่รอดทั้งในโลกการรบและโลกของปุถุชนช่วยให้ Top Gun: Marverick มีพลังกับผู้ชม
จริง ๆ เรื่องนี้ควรชื่อว่า Mission Impossible มากกว่า ทุกอย่างดูเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ต้องหาทางให้เป็นไปได้ ตัวเอกของเรื่องอายุมากก็จริง แต่มีความสามารถระดับเจ้ายุทธจักรการบิน แก้ได้ทุกสถานการณ์ อารมณ์ประมาณปรมาจารย์เตีย ซำฟงก็ได้มั้ง สะบัดฝ่ามือทีฝ่ายตรงข้ามตายเรียบ เด็กใหม่จึงอย่าได้คิดลองของเสือเฒ่าเขย่าพสุธารายนี้เด็ดขาด
ความดีงามอีกประการคือ แม้ฉากการรบด้วยเครื่องบินไปเร็วมากจนดูไม่รู้เรื่อง ผู้ชมยังสามารถเข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร มันไม่ใช่การรบที่มุ่งเอาความมันเพียงอย่างเดียว แต่เต็มไปด้วยลีลาและปัญญาของตัวละคร
ส่วน Tom Cruise อายุอานามมากขึ้น Cruise ไม่เน้นขายความหล่อ แต่เอาความเก๋ามาเสนอแก่ผู้ชม Jennifer Connelly ก็สวยไม่สร่าง ยิ่งแก่ยิ่งน่าชายตามอง แต่แอบคิดอยู่เหมือนกันว่า ตัดบทของเธอออกก็ได้ แต่คิดไปคิดมา ถ้าไม่มีบทนี้ ตัว Marverick จะกลายเป็นตัวละครที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย
ไม่แน่ แว่นเรย์แบนอาจกลับมาขายดีอีกครั้ง สมัยภาคแรก แว่นกันแดด หมากฝรั่ง วอลเลย์บอลชายหาดคือจุดขายของเรื่องพอ ๆ กับเพลง เพลงเปิดตัวภาพยนตร์ชื่อ Danger Zone ฟังทีไรนึกถึงภาพล้อเครื่องบินกระแทกรันเวย์ เพลงประกอบอีกอันอยู่ในฉากเลิฟซีนชื่อ Take My Breath Away ตัวละครละเลงลิ้นกันมัน แต่ก็ให้ความรู้สึกน่าจดจำ
อ้างอิง