"ราคาน้ำมันดีเซล" พุ่งสูง ปรับขึ้นราคาค่าโดยสารเรือข้ามฟาก 8 ท่า

สมาคมเรือไทย ได้ประชุมหารือกับ กรมเจ้าท่า ขอปรับ "ขึ้นราคาค่าโดยสาร" เรือข้ามฟาก ท่าละ 50 สตางค์ มีผลเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2565 เป็นต้นไป

นายสุธีย์ สุภาพร ผู้ช่วยเลขาธิการสมาคมเรือไทย ในฐานะผู้ให้บริการท่าเรือข้ามฟาก ระบุว่า สมาคมเรือไทยได้ประชุมหารือกับ กรมเจ้าท่า

ขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารเรือข้ามฟาก 8 ท่า ดังนี้

1. เรือข้ามฟาก เส้นทางท่าเรือบางศรีเมือง-ท่าน้ำนนทบุรี จากเดิมเก็บค่าโดยสาร 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว 
2. เส้นทางท่าเรือวัดระฆัง-ท่าเรือวังหลัง จากเดิมเก็บค่าโดยสาร 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว 
3. ท่าเรือท่ารถไฟ-ท่าพระจันทร์ จากเดิมเก็บค่าโดยสาร 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว 
4. ท่าเรือวังหลัง-ท่าพรานนก จากเดิมเก็บค่าโดยสาร 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว 
5. ท่าเรือท่าเตียน-วัดอุรณ จากเดิมเก็บค่าโดยสาร 4 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4.50 บาทต่อเที่ยว 
6. ท่าราชวงศ์-ดินแดง จากเดิมเก็บค่าโดยสาร 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว 
7. ท่าสี่พระยา-ท่าเรือคลองสาน จากเดิมเก็บค่าโดยสาร 4.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 5 บาทต่อเที่ยว 
8. ท่าเรือโอเรียนเต็ล-ท่าเรือวัดสุวรรณ เดิมเก็บค่าโดย 4 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4.50 บาทต่อเที่ยว

การปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ นายสุธีย์กล่าวว่า เนื่องจากผู้ประกอบการเรือข้ามฟากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้จำนวนผู้โดยสารและรายได้ลดลงอย่างมาก โดยบางท่า จากที่มีผู้โดยสาร 5,000-6,000 คนต่อวัน ลดลงเหลือ 400-500 คนต่อวัน ประกอบกับช่วงปลายปี 2564 ราคาน้ำมันดีเซล พุ่งสูงต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันแตะที่ลิตรละ 32 บาทแล้ว ผู้ประกอบการไม่สามารถจะแบกรับภาระต้นทุนนี้ได้อีกต่อไป หากไม่มีการปรับขึ้นค่าโดยสาร

ทั้งนี้ หากราคาน้ำมันดีเซลปรับราคาขึ้นเกินกว่าลิตรละ 35 บาท ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหารือกับกรมเจ้าท่า เพื่อขอปรับราคาค่าโดยสารเพิ่มอีกครั้ง เพื่อให้กิจการอยู่รอดต่อไป ส่วนจะปรับขึ้นค่าโดยสารเรือคลองแสนแสบและเรือด่วนเจ้าพระยาหรือไม่นั้น กรมเจ้าท่าได้ขอให้ชะลอการปรับขึ้นไปก่อน ทำให้ยังไม่มีการพิจารณาในเรื่องนี้