เข้มงวด "รถกู้ภัยกู้ชีพ" 9 จังหวัด หลังเหตุใช้รถพยาบาลขนยาบ้าล้านเม็ด
ผบช.ภ.1 ลั่นสั่งตำรวจตรวจเข้มรถกู้ชีพกู้ภัย 9 จังหวัด หากพบกระทำผิดจับดำเนินคดีทันที พร้อมประสานทุกหน่วยงาน เก็บรวบรวมมูลรถกู้ชีพ ส่ง สตช. ภายใน 30 วัน หลังเหตุใช้รถพยาบาลขนยาบ้าล้านเม็ด
จากกรณีเจ้าหน้าที่อาสากู้ชีพกู้ภัยใช้รถพยาบาล ลักลอบขนยาบ้านับล้านเม็ดเป็นข่าวใหญ่นั้น ภายหลังการร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระบุหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข ตัวแทนสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ผู้บังคับการ 9 จังหวัดในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และมูลนิธิกู้ภัย 9 จังหวัด
สรุปคือ หลังจากนี้จะมีการรวบรวมข้อมูล การขอใบอนุญาติที่ถูกต้องของรถลำเลียงผู้ป่วย รถ สพฉ. รวมถึงรถที่อยู่ในความดูแลของ อบต. และ อบจ. ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด หากมีข้อมูลครบถ้วนแล้วก็จะรวบรวมไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อใช้เทคโนโลยีมาช่วยจัดเก็บและตรวจสอบข้อมูล
สรุปคือ หลังจากนี้จะมีการรวบรวมข้อมูล การขอใบอนุญาติที่ถูกต้องของรถลำเลียงผู้ป่วย รถ สพฉ. รวมถึงรถที่อยู่ในความดูแลของ อบต. และ อบจ. ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด หากมีข้อมูลครบถ้วนแล้วก็จะรวบรวมไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อใช้เทคโนโลยีมาช่วยจัดเก็บและตรวจสอบข้อมูล
เบื้องต้น ได้สั่งการให้ภูธรจังหวัด ทั้ง 9 จังหวัด ให้รวบรวมข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน พร้อมกำชับให้กวดขันรถที่มีลักษณะคล้ายรถพยาบาล แต่ไม่ติดสังกัดให้ชัดเจน
ขณะที่ นางพรอุมา อุบลรัตน์ ตัวแทนมูลนิธิร่วมกตัญญู ยอมรับว่า ทางมูลนิธิฯ ผิดพลาดในตรวจสอบข้อมูลเจ้าหน้าที่ก่อนจะตัดสินใจรับเข้ามาปฏิบัติงาน แต่พร้อมจะแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ รถกู้ภัย-กู้ชีพที่อยู่ในความรับผิดชอบของมูลนิธิร่วมกตัญญู ใน 9 จังหวัดภูธรภาค 1 ขึ้นทะเบียนถูกต้องแล้วกว่า 100 คันจากทั้งหมดกว่า 400 คัน ส่วนบุคคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาทำบัตรประจำตัวอาสาฯ จึงยังไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้
ส่วนมูลนิธิอื่นๆ ก็อยู่ระหว่างการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล ก่อนจะส่งมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งหลังจากนี้จะเร่งดำเนินการ