อัปเดต! ทหารบุกยิงพยาบาล ในรพ.ขอนแก่น ยิงตัวตายตามดับ 2 ศพ ปมหึงหวง สงสารลูก 2 คน
สลดสะเทือนขวัญ! ทหารบุกยิงพยาบาล ในรพ.ขอนแก่น ยิงตัวตายตามดับ 2 ศพ ปมหึงหวง สงสารลูก 2 คน ขณะเกิดเหตุลูกวัย 7 ขวบวิ่งหนีไม่เห็นการลงมือ
อัปเดตความคืบหน้า เหตุสลด! เกิดเหตุยิงกันชั้น 4 อาคารแห่งหนึ่ง ภายในโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เป็นทหารใช้อาวุธปืนบุกยิงแฟนสาวพยาบาลสาวดับ มีพยาบาล และเด็ก 2 คน เห็นเหตุการณ์
เหตุเกิดกลางดึก วันที่ 9 มิ.ย. 2565 มีคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกยิงเจ้าหน้าที่พยาบาลภายในตึกโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น มีผู้เสียชีวิตเป็นหญิงหนึ่งราย อายุ 30 - 35 ปี ถูกยิงเข้าที่คิ้วซ้ายหนึ่งนัด และใต้ราวนมอีก 1 นัด เจ้าหน้าที่ทำการช่วยเหลือและ cpr แต่ไม่เป็นผลได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นชาย อายุประมาณ 40 ปี และใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะด้านขวาของตนเอง เจ้าหน้าที่ได้ทำการช่วยเหลือ ยังมีชีพจร เบื้องต้น มีรายงานว่าผู้ก่อเหตุเป็นทหารและเป็นสามีของผู้เสียชีวิตที่เป็นพยาบาล
จากการสอบถาม ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุเสียชีวิตแล้ว ทำให้คดีนี้มีคนตาย 2 ราย คือ ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นทหาร และเป็นสามีของพยาบาลสาว ที่ถูกยิงเสียชีวิต
รายละเอียดความคืบหน้า
เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 9 มิ.ย. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับแจ้งเหตุ มีคนร้ายใช้อาวุธปืน บุกยิงเจ้าหน้าที่พยาบาลสาว เหตุเกิดภายในตึกโรงพยาบาลขอนแก่น ทำให้มีผู้เสียชีวิต หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น และประสานชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น สืบสวน ภ.จว.ขอนแก่น และกู้ชีพกู้ภัย เข้าตรวจสอบทันที่
ที่เกิดเหตุ ภายในตึกคุณากร ชั้น 4 รพ.ศูนย์ขอนแก่น พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ จ่าสิบเอก อรรคพงษ์ โพนพันธุ์ (ผู้ก่อเหตุ) ซึ่งเป็นทหารที่ค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น ได้ก่อเหตุยิงภรรยา ทราบชื่อต่อมาคือ นางสาวนภาพร นาคเกี้ยว อายุ 34 ปี เป็นพยาบาลประจำแผนกโรคหัวใจ รพ.ศูนย์ฯ โดยทั้งคู่เคยเป็นสามีภรรยากัน เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวผู้บาดเจ็บทั้งสองเข้ารับการรักษาอาการอย่างเร่งด่วน
จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่า นางสาวนพาภรณ์ (ภรรยา) ถูกยิงอาวุธปืนยิง เข้าที่บริเวณคิ้วซ้ายหนึ่งนัด และใต้ราวนมอีก 1 นัด โดยเจ้าหน้าที่ทำการช่วยเหลือ และ cpr แต่ไม่เป็นผล และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นทราบเป็นสามี หลังจากก่อเหตุ ได้ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกัน ยิงตัวเองที่บริเวณศีรษะด้านขวา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่และแพทย์ ได้พยายามช่วยเหลือ แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว จึงได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ จากการสอบสวน ในเบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นทหาร และเป็นสามีของ นางสาวนิพาภรณ์ ผู้เสียชีวิต ที่เป็นพยาบาลประจำแผนกโรคหัวใจ ของโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โดยขณะเกิดเหตุ นายอรรคพงษ์ ได้เดินทางเข้ามาหานางสาวนิพาภรณ์ ซึ่งกำลังทำงานอยู่ที่ตึกคุณากร ชั้น 4 เพื่อตกลงปัญหาชีวิต เนื่องจากที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงได้ฟ้องหย่าสามี และได้มีการแยกทางกันอยู่
จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา จ.ส.อ.อรรคพงษ์ ได้เข้ามพูดจาเพื่อหาข้อยุติ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงทำให้ฝ่ายชายใช้อาวุธปืน ขนาด .38 ที่เตรียมมา จ่อยิงนางสาวนิพาภรณ์ จนเสียชีวิต หลังก่อเหตุ นายอรรคพงษ์จึงได้ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกัน ยิงตัวเองจนเสียชีวิต
ลำดับเหตุการณ์ ทหารยิงพยาบาล ปมหึงหวง
เมื่อเวลา 09.30 น. พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า เหตุการณ์อุกฉกรรจ์นี้เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 23.50 น. ของคืนที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้ง ว่ามีเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันภายในหอผู้ป่วยอายุรกรรมโรคหัวใจ ชั้น 4 อาคารคุณากรปิยชาติ ชั้น 4 ภายในโรงพยาบาลขอนแก่น
เมื่อไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบนางสาวนภาพร นาคเกี้ยว อายุ 34 ปี ชาวต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะและร่างกายอาการสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งให้ความช่วยแต่อาการสาหัส เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนก่อเหตุคือ จ.ส.อ.อรรคพงษ์ ได้ใช้ปืนยิงเข้าที่ศีรษะตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในที่เกิดเหตุพบอาวุธพกสั้นรีวอลเวอร์ สีดำ ขนาด 4 นิ้ว บรรจุกระสุน 6 นัด และหัวกระสุนจำนวน 1 ลูก ตกอยู่ที่เกิดเหตุ ใกล้กันพบปลอกระสุนที่ใช้ยิงแล้วในโม่ปืน จำนวน 4 ปลอก และลูกกระสุนที่ยังไม่ได้ยิงอีกจำนวน 2 นัด
ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุพยาบาลที่เป็นเพื่อนกับอดีตภรรยา ได้แจ้งญาติให้ญาติพี่น้องทราบ จึงมาดูที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนญาติและคนใกล้ชิดของ ผู้ตายทั้งสองคน
ทราบว่า ทหารกับอดีตภรรยาอยู่กินกันจนมีบุตร 2 คน อายุ 3 ขวบและ 7 ขวบ ต่างคนต่างก็ทำมาหากิน กระทั่งเมื่อประมาณต้นปี พยาบาลได้ไปอบรมหลักสูตรเฉพาะทางที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลา 4 เดือน และก็กลับมาทำงานที่รพ.ศูนย์ขอนแก่นตามเดิม
แต่หลังพยาบาลกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ทั้งคู่ก็มีปัญหาทะเลาะกันบ่อยขึ้น จนถึงขั้นยิงปืนขู่กันที่บ้านพัก ญาติพี่น้องก็รับรู้ปัญหามาตลอด
สุดท้ายทั้งสองคนก็หย่าขาดจากกัน แต่ฝ่ายชายยังพยายามติดตามขอคืนดีกับพยาบาลมาโดยตลอด กระทั่งถืออาวุธปืนเข้ามาในโรงพยาบาล เดินตามหาอดีตภรรยาที่เข้าเวรและกำลังทำงานอยู่ในห้องพิเศษ เมื่อพบตัวก็เข้าไปหาใช้ปืนยิงอดีตภรรยา 3 นัด ตายคาที่ จากนั้นทหารก็เดินออกจากห้อง แล้วใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงขมับตัวเอง เพื่อฆ่าตัวตาย แต่ยังไม่ตายทันที แพทย์พยาบาลช่วยเหลือเอาไว้ได้ แต่ก็มาสิ้นใจในช่วงตีห้าที่ผ่านมา
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่ามูลเหตุของการก่อเหตุของทหารในครั้งนี้ จากการสอบสวนญาติต่างก็ยืนยันว่า เกิดจากทหารหึงหวงภรรยาตัวเองพยายามขอคืนดี แต่พยาบาลไม่ยอมคืนดีด้วย จึงมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนญาติและคนใกล้ชิด เพื่อทราบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนมากขึ้น จากนั้นจะได้มอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
ลูก 7 ขวบ และ 3 ขวบ ไม่เห็นตอนก่อเหตุ
ล่าสุด เมื่อเวลา เวลา 12.30 น. พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนเกิดเหตุหนูน้อยวัย 3 ขวบ และวัย 7 ขวบ ซึ่งทั้งสองคนเป็นลูกของผู้เสียชีวิตทั้งคู่ ได้มาอยู่กับแม่ที่เข้าเวรอยู่ที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น โดยได้นอนรอผู้เป็นแม่อยู่ที่ห้องที่ใช้เป็นที่เก็บของบนตึกคุณากร ชั้น 4 รพ.ศูนย์ขอนแก่น ต่อมาในเวลาประมาณ 23.30 น. จ่าสิบเอกอรรคพงษ์ฯ ผู้เป็นพ่อและผู้ก่อเหตุ ได้เข้ามาตามหานางสาวนภาพรฯ เพื่อเคลียปัญหาเรื่องหึงหวง แต่ก่อนจะไปหานางสาวนภาพรฯ จ่าสิบเอกอรรคพงษ์ฯ ได้เข้าไปหาลูกที่อยู่อีกห้องก่อน ก่อนที่จะจูงแขนลูกวัย 7 ขวบ พาไปหาอดีตภรรยา ส่วนหนูน้อยวัย 3 ขวบ ลูกอีกคนนอนหลับอยู่
จากนั้นเมื่อจ่าสิบเอกอรรคพงษ์ฯ ไปพบอดีตภรรยา ก็เริ่มมีปากเสียงกัน หนูน้อยวัย 7 ขวบ เห็นว่าพ่อกับแม่ทะเลาะกัน จึงวิ่งไปบอกเจ้าหน้าที่พยาบาลที่อยู่ใกล้ห้องที่เกิดเหตุ แต่ในระหว่างที่หนูน้อยกำลังไปขอความช่วยเหลือนั้น เสียงปืนก็ดังขึ้นกลายเป็นเหตุสลดดังกล่าว โดยยืนยันว่า ในช่วงเกิดเหตึนั้น เด็กไม่ได้อยู่ในช่วงเหตุการณ์ที่เกิดความรุนแรง แต่ถึงอย่างนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เตรียมที่จะส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลสภาพจิตใจของหนูน้อยทั้ง 2 คน และหาแนวทางในการดูแลครอบครัวในระยะยาว ซึ่งเบื้องต้นทราบว่า หนูน้อยทั้ง 2 คน ยังมีตากับยายอาศัยอยู่พื้นที่ตำบลบ้านเป็ด จ.ขอนแก่น ซึ่งจะได้หาทางช่วยเหลือต่อไป ส่วนร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ศพ ยังอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทำการชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอน เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจึงจะประสานให้ญาติรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ส่วนบรรยากาศที่โรงพยาบาลขอนแก่น ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ขณะที่ตึกคุณากร ชั้น 4 รพ.ศูนย์ขอนแก่น ห้องพิเศษ 5,6 จุดเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดห้องที่เกิดเหตุเอาไว้ห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปด้านในโดยเด็ดขาด