ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมให้บริการผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมให้บริการผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น เปิดเครื่องเช็คอินด้วยตนเองอัตโนมัติ จำนวน 196 เครื่อง คาดตลอดเดือน มิ.ย. มีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 70,000 คน
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 65 ที่บริเวณด้านหน้าศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (หน้าห้อง CIP) ชั้น 3 ประตู 8 อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด - 19 ได้ผ่อนคลายข้อกำหนดการเข้าราชอาณาจักรสำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้โดยสารเดินทางผ่านเข้า - ออก ท่าอากาศยาสนสุวรรณภูมิ ในภาพรวมเฉลี่ยวันละ 70,000 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ จำนวน 42,000 คน ภายในประเทศ 28,000 คน สำหรับเที่ยวบินในภาพรวมเฉลี่ยวันละ 460 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ จำนวน 240 เที่ยวบิน และ เที่ยวบินภายในประเทศจำนวน 220 เที่ยวบิน
เพื่อให้การบริการผู้โดยสารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงบุคลากรให้พร้อมรองรับและสอดคล้องกับปริมาณการจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยในส่วนของผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เปิดใช้งานเคาน์เตอร์เช็คอินเพื่อรองรับการให้บริการของสายการบินครบทุกเคาน์เตอร์ จำนวน 318 เคาน์เตอร์ พร้อมมีเครื่องเช็คอินด้วยตนเองอัตโนมัติ ( Common Use Self – Service : CUSS ) จำนวน 196 เครื่อง และ เครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ ( Common Use Bag Drop : CUBD ) จำนวน 42 เครื่อง ซึ่งสามารถรองรับการให้บริการเช็คอินของสายการบินได้อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ สายการบินสามารถเปิดเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารและเคาน์เตอร์บริการผู้โดยสารได้ล่วงหน้าถึง 3 ชั่วโมง ก่อนเที่ยวบินออก สำหรับกรณีที่ผู้โดยสารมาเช็คอินจำนวนมากในชั่วโมงเร่งด่วน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังได้จัดเจ้าหน้าที่สนับสนุนเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและจัดระเบียบการเข้าแถวเช็คอินของผู้โดยสารให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นอกจากนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ณ จุดตรวจค้นร่างกายและสัมภาระผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่จราจรบริเวณด้านหน้าชานชาลาอาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 เพื่อแก้ไขการจราจรคับคั่ง ในช่วงเวลาที่มีรถเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก และ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในการตรวจพื้นที่ และ ตรวจสอบเฝ้าระวังวัตถุต้องสงสัย รวมทั้งเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยกล้อง CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง
นายกิตติพงศ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในฐานะท่าอากาศยานหลักของประเทศ ยังได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานราชการ สายการบิน ผู้ประกอบการ ให้มีความพร้อมในการบริการนักเดินทางจากทั่วโลก ให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการทำงานของทุกส่วนงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะทำหน้าที่เป็นประตูสู่ประเทศไทย ต้อนรับและสร้างความประทับใจแก่ผู้โดยสาร พร้อมร่วมเป็นกลไกสำคัญ กับ รัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ