งามไส้! จนท.ธนาคารชื่อดัง โอนเงินคืนผู้เสียหาย หลังเบี้ยวเงินกว่า 3 แสน
เจรจาไกล่เกลี่ย เหตุงามไส้! จนท.ธนาคารชื่อดัง โอนเงินคืนผู้เสียหาย หลังเบี้ยวเงินกว่า 3 แสนบาท หลังถูกแจ้งความ
ผู้บริหารธนาคารชื่อดัง สาขาอำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น พาเจ้าหน้าที่ธนาคารในสังกัด เข้าเจรจาไกล่เกลี่ยกับสองสามีภรรยา หลังถูกสองสามีภรรยาแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากยักยอกเงินเบี้ยวเงินไปกว่า 3 แสนบาท โดยได้โอนเงินคืนให้ก่อน 2 แสนบาท ส่วนที่เหลืออีก 120,000 บาท ทำสัญญาโอนคืนให้ภายในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ ขณะที่สองสามีภรรยาพอใจพร้อมถอนแจ้งความหากได้เงินครบตามจำนวนและเวลาที่กำหนด
วันที่ 14 มิถุนายน 2565 จากกรณีที่นางพิชาวีย์ และ นายนพดล (สงวนนามสกุล) ซึ่งสามีภรรยากัน ชาวอ.กระนวน จ.ขอนแก่น นำเอกสารเกี่ยวกับการที่ถูกเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่ง (สีบานเย็น) สาขากระนวน จ.ขอนแก่น ปลอมแปลงทั้งใบเสร็จรับเงินที่อยู่ในสเตทเม้นท์ที่เกี่ยวกับรายละเอียดในการฝาก-ถอนเงิน สำเนาการแจ้งความดำเนินคดี สภ.กระนวน
พร้อมกับเปิดคลิปเสียงการสนทนากันระหว่างตนเองกับผู้จัดการธนาคารฯ ในการทวงถามเงินกับ ผจก.ธนาคารฯ มาร้องเรียนกับสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2565 โดยผู้ร้องเรียน ระบุว่า ตนเองประกอบธุรกิจค้าขายและเปิดฟาร์มเลี้ยงหมูขนาดเล็ก ใน อ.กระนวน โดยในปี 2561 ได้นำเอาที่ดินพร้อมบ้านเข้าธนาคารเพื่อเปิดสินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี หรือ โอดี เสริมสภาพคล่อง วงเงิน 900,000 บาท ในการเบิกเงินแต่ละครั้งเป็นหลักแสนขึ้นไป
โดยได้ไว้ใจเจ้าหน้าที่ธนาคาร คือ นางตรีระนุช (สงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ธนาคาร เป็นผู้ดูแลบัญชี ซึ่งในช่วงปี 61- 64 เจ้าหน้าที่ธนาคารคนดังกล่าวจะเข้ามาขอยืมเงินที่บ้านจำนวน 3,000 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารทำไมต้องมายืมเงินลูกค้าด้วย
จากนั้น เจ้าหน้าที่คนเดิมก็เข้ามาออกอุบาย ว่าแม่ของเขาจะโอนเงินมาให้ แต่ไม่อยากให้สามีรู้ขอให้โอนเข้าบัญชีตนเอง ตนเองก็ไม่ได้ว่าอะไร และต่อมาได้มาขอเงินที่บ้านว่าจะต้องจ่ายเงินค้ำประกันเงินกู้ โดยนำเช็คเปล่ามาให้เซ็น ตนเองก็เซ็นไปโดยที่ไม่ได้ลงจำนวนเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวบอกว่า ยังไงเงินก็เข้าบัญชีอยู่แล้ว ต่อมาเรื่องจึงแดงขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค. 2564 ตนเองตรวจสอบบัญชี พบว่า เงินจำนวน 300,000 บาท ได้หายไปจากบัญชี และเงินสดที่มารับที่บ้านอีก รวมเป็นเงิน 420,000 บาท โดยที่เงินจำนวน 50,000 บาท ได้ถูกเบิกออกจากบัญชี และเงินก้อนดังกล่าวก็ถูกฝากเข้าบัญชีอีกครั้ง แต่ละครั้งบัญชีจะถูกเบิกเป็นจำนวนหลักหมื่น
ตนเองจึงได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว จึงทราบความจริงว่า เขาเป็นคนยักยอกไป พร้อมกับเข้ามาร้องไห้ต่อหน้าว่าจะหาเงินมาคืนให้ ต่อมาผู้ร้องได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไปแจ้งให้ผู้จัดการธนาคารฯ ทราบ พร้อมกับได้ประชุมหาข้อตกลงร่วมกัน ซึ่ง ผจก.ธนาคารฯ อ้างว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความผิดส่วนบุคคล ธนาคารไม่เกี่ยว เป็นการสมยอมกัน สร้างความแปลกใจให้ตนเป็นอย่างมาก จึงได้เข้าไปร้องเรียนยังสำนักงานใหญ่ที่ในเมืองขอนแก่น
ต่อมาทาง ผจก.ธนาคารฯ ได้เรียกเข้าไปไกล่เกลี่ยในที่ประชุม ได้ข้อตกลงว่า ให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวแบ่งจ่าย เบื้องต้นได้เงินมา 100,000 บาท และตกลงกันว่า เดือนพฤษภาคม เงินโบนัส 100,000 บาท งวดสุดท้าย เดือนกรกฎาคม เงินกู้ของเจ้าหน้าที่ พร้อมดอกเบี้ย เดือนละ 3,000 บาท แต่หลังจากที่ตกลงกันแล้ว ทางเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้หายเงียบไป ตนเองจึงได้เข้าแจ้งความที่ สภ.กระนวน
ความคืบหน้าล่าสุด ทางผู้บริหารสำนักงานเขตฯ ผู้จัดการธนาคารฯ ได้พาตัวนางตรีระนุชฯ คู่กรณี ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคาร เดินทางมาที่บ้านของนางพิชาวีย์ และ นายนพดล ยอดชาญ สามีภรรยา เพื่อเข้ามาทำการไกล่เกลี่ย พร้อมชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในตอนแรก คิดว่าธนาคารมีส่วนในการเบิกเงินของตนเองไป จึงน่าจะรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้นบ้าง แต่เมื่อได้มีการพูดคุยกับผู้จัดการธนาคารฯ แล้ว ข้อเท็จจริงพบว่า เป็นการยืมเงินระหว่างตนเองกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนบุคคล
ต่อมาจึงได้โดยทำการตกลงยอมชำระหนี้ที่เกิดขึ้น โดยทางผู้บริหารธนาคารฯ ได้เป็นตัวแทนในการโอนเงินก้อนแรกคืนให้กับนางพิชาวีย์ จำนวน 200,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารฯ ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 120,000 บาท ได้ทำสัญญาเป็นลายอักษรว่าจะมีการชำระเงินที่เหลือในวันที่ 20 มิ.ย. 65 ซึ่งหากได้เงินครบตามจำนวนและในวันเวลาที่กำหนด ในส่วนที่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.กระนวน นั้น ก็จะไปทำการถอนแจ้งความให้โดยไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องการฝากเงินและทำธุรกรรมกับธนาคารนี้อีกต่อไปหรือไม่ จะมีการพิจารณาอีกครั้ง