บุกโรงงานผลิต "เตามหาเศรษฐี" ยันประหยัดพลังงาน ใช้ถ่านน้อย - ติดไฟนาน
บุกโรงงานผลิต "เตามหาเศรษฐี" เตาหุงต้มประสิทธิภาพสูง เจ้าของโรงงานดังราชบุรียันประหยัดพลังงาน ใช้ถ่านน้อย - ติดไฟนาน ต่อยอดมาจากภูมิปัญญาในอดีต
จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊กของ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหันมาใช้ "เตามหาเศรษฐี" เตาหุงต้มประสิทธิภาพสูง หรือ เตาซุเปอร์อั้งโล่ แทนการใช้เตาอั้งโล่ธรรมดา พร้อมพรีเซนต์คุณสมบัติว่าให้ความร้อนสูงกว่า ใช้ถ่านน้อยและมีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์กว่า ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพลังงานและเงินที่ใช้ซื้อถ่านหุงต้ม ซึ่งเริ่มมีราคาแพงขึ้นมาตามเชื้อเพลิงประเภทอื่น ๆ อย่างน้ำมันและก๊าซหุงต้ม
ซึ่งกรณีดังกล่าวที่ กระทรวงพลังงาน ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหันมาใช้ "เตามหาเศรษฐี" เตาหุงต้มประสิทธิภาพสูง หรือ เตาซุเปอร์อั้งโล่ แทนการใช้เตาอั้งโล่ธรรมดาหรือเชื้อเพลิงประเภทอื่นอย่างน้ำมันและก๊าซหุงต้มนั้น ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมเป็นจำนวนมาก โดยพากันติดแฮชแท็ก #เตามหาเศรษฐี จนพุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์
ล่าสุดวันนี้(22 มิถุนายน 2565) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังโรงงาน "เตาอั้งโล่ราชบุรี - ตั้งเตา" หรือ ที่รู้จักกันดีในนาม "เจดีย์ทอง" โรงงานที่ผลิตเตาอั้งโล่รายใหญ่ของจังหวัดราชบุรี ตั้งอยู่หมู่ 3 ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี
น.ส.พิชญดา อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงาน ได้พาผู้สื่อข่าวไปชมการผลิตเตาประหยัดพลังงาน หรือ เตามหาเศรษฐี ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างช้านาน และได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น อีกทั้งจังหวัดราชบุรีนั้นยังมีดินเหนียวคุณภาพดีที่ใช้สำหรับใช้ปั้นโอ่งและปั้นเตาอั้งโล่ หรือ เตาถ่าน
น.ส.พิชญดา เล่าว่า ที่โรงงานมีการผลิตเตาถ่านหลายประเภท อาทิ เตาประหยัดพลังงาน มีทั้งทรงแหลม และทรงตรง เตาอั้งโล่ หรือ เตาดำ เตาปิ้งย่าง เตาหมูกระทะ เตาขนมครก มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยเปิดจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง โดยขายทั่วประเทศ ราคาจำหน่ายออกจากโรงงานจะเริ่มต้นที่ 80-270 บาท
สำหรับประเด็นที่ กระทรวงพลังงาน ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหันมาใช้ "เตามหาเศรษฐี" หรือ เตาซุเปอร์อั้งโล่ แทนใช้เตาอั้งโล่ธรรมดานั้น ตนมองว่าปกติที่โรงงานจะผลิตเตาประหยัดพลังงานอยู่แล้ว มีทั้งรูปแบบเตารูปทรงตัววี และทรงตั้งตรง ซึ่งจะมีความแตกต่างกันตรงที่การเก็บความร้อนในขณะเผาไหม้ของถ่าน และการรับน้ำหนักของหม้อต้ม
เตาประหยัดพลังงานเป็นภูมิปัญญาในอดีตของคนไทยที่นำมาประยุกต์สร้างเตาถ่านให้พลังงานสูงและใช้เชื้อเพลิงน้อย การปั้นรูปทรงของเตาและวัสดุที่นำมาปั้นเตามีความทนทานและสามารถเก็บความร้อนได้ดี การปั้นจะเน้นปากของเตาที่จะค่อนข้างกว้าง และรังผึ้งจะหน้ากว่าเตาทั่วไป และรูระบายอากาศเป็นรูปกรวย ช่วยไม่ให้ถ่านชิ้นเล็กหลุดร่วงลงบนขี้เถ้าและช่วยเรื่องการดูดอากาศ ทำให้ทำความร้อนได้สูงกว่า เวลาใส่ถ่านไปจะเผาได้ช้ากว่า ประหยัดถ่านกว่าเตาอั้งโล่ท้องตลาดถึง 30-40% แถมยังให้ความร้อนสูงกว่าเตาทั่วไป
อุณหภูมิกลางเตาประมาณ 1,000-1,200 องศาเซลเซียส มีลักษณะเพรียวและน้ำหนักเบา วางภาชนะหุงต้ม (หม้อ) ได้ 9 ขนาด ตั้งแต่เบอร์ 16-32 ขณะหุงต้มไม่มีควันและก๊าซพิษเกิดขึ้น และอายุการใช้งานเฉลี่ยมากกว่า 2 ปี อีกทั้งยังมีความแข็งแรงกว่าเตาทั่วไป
สำหรับราคาขายที่โรงงานจะอยู่ที่ 260-270 บาท ส่วนตามร้านค้าปลีกทั่วๆไปที่รับไปขายก็จะค่อนข้างสูงอยู่ที่ 290-300 บาท
"ตนมองว่าเป็นการดีที่ให้หันมาใช้เตาประหยัดพลังงาน เพราะเตาประหยัดพลังงานใช้ถ่านในปริมาณที่น้อย ไม่สิ้นเปลืองถ่าน และยังถูกกว่าการใช้ก๊าซหุงต้ม แต่อาจจะเสียเวลาในขณะที่ติดเตาถ่าน หากมีกระแสคนหันมาใช้เตามากขึ้นทางโรงงานยืนยันว่าจะไม่ขึ้นราคา จะยังจำหน่ายในราคาเดิม เพราะไม่อยากซ้ำเติมประชาชนในยุคที่ข้าวของกำลังแพง"