ไม่มีใครประกันตัว 3 โจ๋ ตบเด็กบดินทรเดชา ชิงพระเกี้ยว ส่อรับโทษอาญา
ตำรวจควบคุม 3 เยาวชน ร่วมก่อเหตุทำร้าย นักเรียนบดินทรเดชาฯ หวังชิงพระเกี้ยว เข้ากระบวนการยุติธรรม ก่อนเข้าสู่สถานพินิจฯ โดยไร้การยื่นประกันตัวจากผู้ปกครอง ต่างกล่าวคำขอโทษผู้ปกครองของน้องนักเรียน หวังการควบคุมตัวในสถานพินิจฯ จะทำความประพฤติที่ดี เตือน "เข็มต่างสถาบัน" สะสมด้วยกำลัง ส่อรับโทษอาญา
วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เวลา 09.30 น. ที่สถานีตำรวจนครบาล วังทองหลาง (สน.วังทองหลาง) พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เตรียมคุมตัวนายวายุภัค (สงวนนามสกุล) / นายวิชัย (สงวนนามสกุล) และนายธนพล (สงวนนามสกุล) 3 โจ๋เยาวชนชาย ที่ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธมีดจี้ชิง “เข็มพระเกี้ยว” จากนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) พร้อมกับทำร้ายร่างกาย ส่ง ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมจับกุมก่อนส่งสถานพินิจตามขั้นตอนกฎหมาย
นายสมศักดิ์ แซ่ตั้ง วัย 41 ปี (พ่อนายวายุภัค หนึ่งในผู้ต้องหา) ยอมรับ ลูกมีพฤติกรรมก้าวร้าวชอบใช้ความรุนแรง มักมีเรื่องชกต่อยตามประสาวัยรุ่นเสมอ ไม่ยอมรับฟังเวลาถูกเตือนหรือถูกว่า เมื่อกระทำผิดครั้งนี้ จึงตัดสินใจที่จะไม่ยื่นเรื่องขอประกันตัว เนื่องจากต้องการให้ นายวายุภัค ถูกขัดเกลานิสัยจากเจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ รวมถึงเกรงว่า หากยื่นประกันตัว นายวายุภัค จะไม่เข็ดหลาบและกลับไปก่อเหตุซ้ำอีก พร้อม ฝากขอโทษคู่กรณีถึงเรื่องที่เกิดขึ้นผ่านสื่อฯ ด้วย
ด้านนางโมจิ “ป้า” ของ นายวิชัย(ขอสงวนนามสกุล) เป็นอีกหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุทำร้ายนักเรียนบดินเดชาฯ เผยว่า ปกติ นายวิชัยเป็นเด็กเงียบๆ พูดน้อย และไม่เคยมีพฤติกรรมรุนแรงแบบนี้มาก่อน ซึ่งตนก็พร้อมจะให้อภัยหลาน เพราะเห็นว่ายังเด็ก ส่วนเหตุที่เกิดนี้ น่าจะเป็นการตามๆ กันไปกับเพื่อน อย่างไรก็ตาม ฝากขอโทษทางคู่กรณีและผู้ปกครอง เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ รู้เท่าไม่ถึงการณ์
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันพยายามปล้นทรัพย์ โดยใช้อาวุธมีดและยานพาหนะในการหลบหนี ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ร่วมกันพกพาอาวุธมีดเข้าไปในเมือง ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนจะนำตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางก่อนเที่ยงวันนี้ต่อไป
ตร.เตือน วัยคะนองพึงระวัง ชกต่อยหวังเอาเครื่องหมายสถานศึกษา โทษหนักหมดอนาคต
วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( รอง โฆษก ตร.) กล่าวว่า ตามที่มีเหตุ นักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ถูกเยาวชนเป็นชาย 3 ราย ชักอาวุธมีดขึ้นมาข่มขู่และลงมือชกต่อยนักเรียนที่กำลังเดินกลับบ้านเพื่อต้องการชิงเข็มพระเกี้ยวซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของสถาบันดังกล่าว นั้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเตือนไปยังกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่มีความคิดว่าการแย่งชิงตราสัญลักษณ์ของสถาบันการศึกษาอื่น เป็นเรื่องสนุกของวัยรุ่น ทำให้ได้รับการยอมรับจากเพื่อน เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด หากแต่เป็นการกระทำที่ขาดการยั้งคิด และเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมายที่ได้บัญญัติไว้ ซึ่งการที่บุคคลใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือ ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น หรือเพื่อเอาทรัพย์นั้นเป็นของตน จะเป็นความผิดฐาน ชิงทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 และหากร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จะเป็นความผิดฐาน ปล้นทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ซึ่งอัตราโทษจะขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำ ซึ่งสรุปได้ดังนี้
ความผิดฐานชิงทรัพย์ (ผู้กระทำผิด 1 ถึง 2 คน)
- ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 200,000 บาท
- เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 400,000 บาท
- เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 300,000 บาท ถึง 400,000 บาท
- เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
ความผิดฐานปล้นทรัพย์ (ผู้กระทำผิด 3 คน ขึ้นไป)
- ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 300,000 บาท
- ผู้กระทำความผิดคนใดคนหนึ่ง พกอาวุธติดตัวไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 12 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 240,000 บาท ถึง 400,000 บาท
- เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี
- กระทำโดนแสดงความทารุณ เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ใช้ปืนยิง วัตถุระเบิด หรือกระทำทรมาน ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี
- เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษประหารชีวิต
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแจ้งเตือนไปยังผู้ปกครองและน้องๆ เด็ก และเยาวชน ที่อาจอยากได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน โดยไม่ได้คำนึงว่าการกระทำของตนว่าเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ขอให้คิดถึงอนาคตและผลที่ตามมาจากการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว และขอให้ผู้ปกครอง ให้คำแนะนำและตักเตือนบุตรหลานของท่าน เกี่ยวกับข้อกฎหมายที่จำเป็นต้องรู้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนกระทำความผิด
ทั้งนี้ หากมีประชาชนตกเป็นเหยื่อ หรือพบเห็นเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว สามารถโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือได้ที่ สายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง