ท่องเที่ยวภูเก็ตยังคึกคัก! แม้พบผู้ติดเชื้อ "ฝีดาษลิง" รายแรกในพื้นที่

ท่องเที่ยวภูเก็ตยังคึกคัก! แม้พบผู้ติดเชื้อ "ฝีดาษลิง" รายแรกในพื้นที่

ผู้ว่าฯภูเก็ต ยันมีมาตรการเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มข้น หลังพบผู้ติดเชื้อ "ฝีดาษลิง" รายแรก ขณะที่บรรยากาศท่องเที่ยวยามราตรีย่านบางลา ป่าตอง ยังคึกคัก!

แม้ว่า จ.ภูเก็ต จะมีการพบนักท่องเที่ยวชาวไนจีเรีย อายุ 27 ปี ติดเชื้อ "ฝีดาษลิง" หรือ ฝีดาษวานร เป็นรายแรกของประเทศไทย และผู้ติดเชื้อได้หลบหนีออกจากที่พักไป กระทั่งล่าสุดมีรายงานว่าหนีออกนอกประเทศไปแล้วนั้น แต่บรรยากาศการท่องเที่ยวยามค่ำคืนตามสถานบันเทิงต่าง ๆ ภายในซอยบางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นถนนคนเดินที่มีแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ตยังคงคึกคัก

 

 

จากการสอบถามกับพนักงานในสถานบันเทิงย่านซอยบางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ไม่ได้ความวิตกกังวลหรือกลัวกับโรคโควิด-19 โรค "ฝีดาษลิง" หรือ ฝีดาษวานร ดังกล่าว เนื่องจากแต่ละสถานประกอบการจะมีมาตรการควบคุมเข้มงวดอยู่แล้ว เพราะหน่วยงานด้านสาธารณสุขได้มีการลงพื้นที่มาให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า หน่วยงานกองระบาดและกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต โรงพยาบาลป่าตอง และเทศบาลเมืองป่าตอง ออกให้ความรู้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรคติดต่อโรคฝีดาษลิง พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชาให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่จำหน่ายกัญชาในที่สาธารณะ ไม่จำหน่ายกัญชาให้เด็กหรือบุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ผู้ที่จำหน่ายหรือผู้ที่ให้บริการกัญชาต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไปตามกฎหมายที่กำหนดตาม พ.ร.บ.กัญชา พร้อมทั้งตอบข้อซักถามและข้อแนะนำต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

 

 

ขณะที่ นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณีพบผู้ป่วยฝีดาษลิง หรือ ฝีดาษวานร ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ถึงมาตรการในการเฝ้าระวังโรค ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดภูเก็ตมีมาตรการในการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว ซึ่งก่อนหน้าจะเจอกับผู้ป่วยฝีดาษลิงรายนี้ เคยมีการตรวจพบผู้มีอาการต้องสงสัยว่าจะป่วยด้วยโรคดังกล่าว ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ทำการส่งตัวเพื่อเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อทันที และมีการเฝ้าระวังติดตามในระหว่างรอผลตรวจหาเชื้อ เพื่อจะได้ไม่ไปสัมผัสกับคนอื่นซึ่งทำกันมาโดยตลอด

 

กรณีรายของชายชาวไนจีเรียรายนี้ทุกฝ่ายได้ช่วยกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสุข ตำรวจภูธร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราทำงานกันเป็นทีม นอกจากนี้เรื่องสำคัญคือการให้ข้อมูลความรู้กับพี่น้องประชาชนเพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงดังกล่าว เพื่อจะได้ไม่เกิดความตื่นตระหนกจนเกินไป

 

และในช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินการในลักษณะเดียวกับในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีการเฝ้าระวังโรค พร้อมเดินหน้าในการพัฒนาฟื้นฟูเศรษฐกิจและแก้ปัญหาปากท้อง ครั้งนี้ก็เช่นกันเมื่อเจอปัญหาก็แก้ที่ต้นเหตุของปัญหา พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีงานทำและมีรายได้

 

"ขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาเหมือนกับในช่วงที่ผ่านมา ในการแจ้งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้เข้าไปดูแลและแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที"

 

ข่าวโดย สาลินี ปราบ จ.ภูเก็ต