ดอกมะลิขาดตลาด รับ "วันแม่" ทำราคาพุ่ง 5 เท่า
ดอกมะลิขาดตลาดทุบราคากิโลกรัมละ 1,000 บาท ส่วนดอกดาวเรือง ดอกพุดปรับขึ้นเท่าตัวจากดอกละ 1 บาท สูงขึ้นดอกละ 2 บาท
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 65 จากการสำรวจราคาดอกมะลิในตลาดสด เทศบาลเมืองชัยภูมิ พบว่า แม่ค้า พ่อค้าขายดอกไม้สดต่างได้รับผลกระทบจากพายุฝนตกหนัก ทำให้ดอกมะลิที่ปลูกขายตามสวนออกดอกได้ทัน และมีน้อย ทำให้ราคาขายดอกมะลิขยับแพงขึ้น จากกิโลกรัมละ 200 บาท ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 900-1,000บาท คาดว่าจะสูงขึ้นในวันที่ 12 ส.ค. 65 วันแม่แห่งชาติปีนี้ ราคากิโลกรัมละ1,200 บาท
นายวิชิต กลิ่นนอก พ่อค้าขายดอกไม้ในตลาดสดเทศบาลเมืองชัยภูมิ เล่าว่า เปิดแผงขายดอกไม้สดทั้งดอกมะลิ ดอกบัว ดอกดาวเรืองและดอกพุด จะทำเป็นช่อสำหรับนำไปไหว้พระ ใส่บาตร รวมทั้งดอกไม้ชนิดอื่น ๆปีนี้หลังฝนตกหนักกระจายทั่วประเทศ ทำให้ดอกดาวเรือง และดอกมะลิ ถูกน้ำฝนเกิดเน่าเสียหายจำนวนมาก ส่งผลให้ดอกไม้สดขาดตลาดจึงมีการขยับราคาจากดอกละ1บาท ขึ้นเป็นดอกละ 2 บาท
ส่วนราคาดอกมะลิที่จะนำไปทำร้อยเป็นมาลัยกร นำไปไหว้แม่ที่บ้าน ในวันแม่แห่งชาติ 12 ส.ค.ปีนี้ ตรงกับ 3 เทศกาล ทั้งวันแม่แห่งชาติ วันพระ และวันสารทไทย คนใช้ดอกมะลิ ดอกไม้ต่าง ๆ กันมาก ทำให้ดอกมะลิช่วงนี้ มีราคาแพงขึ้นจากช่วงปกติถึง 5 เท่าตัว จากกิโลกรัมละ 200 บาท ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 1,000 บาท อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนแทบขาดแคลนหายาก ทำให้ต้องสั่งซื้อจากกรุงเทพฯ สำหรับราคาขายมาลัยกรดอกมะลิพวงเล็ก 50 บาท ปรับเป็น 200 บาท ที่เป็นไปตามราคาต้นทุน
ส่วนดอกพุด ขยับราคาขึ้น ซึ่งถูกกว่าดอกมะลิ ทางร้านจึงนำดอกพุดมาร้อยเป็นมาลัยกรมากขึ้น จากพวงละ20บาท ขึ้นเป็นพวงละ50บาท มาลัยกรดอกพุดขนาดใหญ่ 200บาท ส่วนมาลัยกรดอกมะลิขนาดเล็ก200บาท ส่วนขนาดใหญ่1,000บาท รวมถึงชาวบ้านหลายคนที่ได้เดินตลาดออกมาหาซื้อดอกไม้ มาลัยกรไปไหว้แม่ ที่เป็นวันแม่แห่งชาติ12สิงหาคม ปีนี้ ก็ได้เปลี่ยนมาลัยดอกมะลิ มาเป็นมาลัยกรดอกพุด แทนเพราะดอกมะลิขาดตลาดมีไม่เพียงพอกันจำนวนมาก และมีราคาถูกกว่า