"จิรนิติ หะวานนท์" พร้อมทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตั้งเป้าทำให้บ้านเมืองสงบ
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถูกจับตา ต่อบทบาทสำคัญ ในการวินิจฉัยคุณสมบัติของ "พล.อ.ประยุทธ์" ล่าสุด "ดร.จิรนิติ หะวานนท์" 1 ใน 9 ของผู้ทำหน้าที่ เปิดใจพร้อมทำหน้าที่ เพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยและพัฒนา
"ดร.จิรนิติ หะวานนท์" ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ถึงประวัติส่วนตัวก่อนที่จะได้รับตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ตนเรียนจบประถมมัธยมที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ และศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับปริญญานิติศาสตรบัณฑิต ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง พร้อมกับได้รับเนติบัณฑิตไทย (ลำดับที่ 1 สมัย 28) จากสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา หลังจากนั้นได้รับพระราชทานทุนอานันทมหิดล ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทด้านกฎหมายปกครอง ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และปริญญาเอกด้านกฎหมายวิธีพิจารณาความ เน้นมาทางอาญา จากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างศึกษาได้เดินทางเข้ามาทำปริญญานิพนธ์ที่ชุมชนแออัดคลองเตย
"ผมได้รับพระราชทานทุนอานันทมหิดล ถือเป็นมงคลที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต เพราะเป็นทุนที่มาจากพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรโดยตรง อีกทั้งยังเป็นทุนของนักศึกษาปริญญาตรีที่มีเกียรติยศสูงสุด"ดร.จิรนิติ กล่าว
ดร.จิรนิติ ยังเล่าในช่วงชีวิตในวัยนักศึกษา ที่ประทับใจ ว่าได้รับเกียรติให้เป็นกรรมการและเลขานุการในการคัดเลือกนักศึกษาในแผนกธรรมศาสตร์มาตั้งแต่ปี 2539
สำหรับวัยทำงานนั้น "ดร.จิรนิติ" กล่าวว่า เริ่มต้นในปี 2525 และยังได้ทำหน้าที่สำคัญ ในลำดับต่อมาคือ เป็นเลขานุการศาลฎีกา, หัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์, อธิบดีศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และเรื่อยมา จนมารับตำแหน่งในปัจจุบันคือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในปี 2563
"ในการทำงานของผม ได้น้อมนำพระราชกรณียกิจมาปรับใช้ในการทำงานหลายอย่าง ทั้งพระวิสัยทัศน์การมองโลกในมุมบวก, การนำความรู้เข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทย และที่ผมประทับใจมากที่สุดคือพระวิสัยทัศน์ของท่าน ที่ทรงให้ทางสำนักพระราชวังมาขอความช่วยเหลือจากแผนกโสตทัศนศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเรื่องเทคโนโลยีการถ่ายทำ มุมกล้องบรรยากาศในห้องเรียน และการเรียนการสอนต่างๆ ที่ต่อมาเรื่องนี้ได้พัฒนาต่อเนื่องจนกลายเป็นมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งในปัจจุบันเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่มโรงเรียนขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในชนบทห่างไกล ทำให้มีจำนวนครูและนักเรียนที่ได้รับโอกาสเพิ่มขึ้นกว่าล้านห้าแสนคน" ดร.จิรนิติ กล่าว
สำหรับมุมมองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก นั้น "ดร.จิรนิติ" กล่าวว่า ในโลกปัจจุบันเรากำลังเผชิญปัญหามากมาย หรือที่ทางสังคมศาสตร์เรียกว่าเป็นยุคปฎิวัติเทคโนโลยี หลายสิ่งได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เกิดปัญหาขึ้นในหลากรูปแบบ ประเทศไทยยังโชคดีที่ไม่เดือนร้อนมากนักเพราะมีทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ยังเน้นผลผลิตทางการเกษตร และการไม่ทำอะไรที่ฟุ่มเฟือยจนเกินไป และท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทุกภาคส่วนได้มองเห็นความสำคัญของการศึกษา ซึ่งแต่เดิมเป็นแค่การเรียนรู้จากหนังสือ แต่ในปัจจุบันเป็นการเรียนรู้ในทุกเรื่อง ที่สำคัญต้องเรียนรู้ว่าโลกจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างไรให้มีความสุข
"กลไกในการเรียนรู้นอกจากจะเรียนผ่านหนังสือหรือโลกออนไลน์แล้ว ควรจะเป็นการเรียนรู้แบบต่อเนื่อง เหมือนกับที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงแนะนำในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ให้กับศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นราธิวาส เป็นต้น" ดร.จิรนิติ กล่าว
ทั้งนี้ ดร.จิรนิติ กล่าวถึงเป้าหมายการทำหน้าที่ในบทบาทของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยว่า “ในชีวิตที่เหลืออยู่ของผม สิ่งที่อยากทำให้กับประเทศชาติก็คือการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญให้ดีที่สุด เพราะศาลรัฐธรรมนูญเมื่อได้ตัดสินอะไรลงไปแล้ว จะมีผลกระทบต่อสังคม ระบบการปกครองในภาพรวมของประเทศ ดังนั้นจึงต้องพยายามดูแลรัฐธรรมนูญ ดูแลกฎหมาย ให้มีความมั่นคงเข้มแข็ง เพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย และการพัฒนาจะเกิดขึ้นตามมา"
"กฎหมายและความยุติธรรมเป็นเงื่อนไขที่สำคัญต่อเรื่องดังกล่าว เพราะการที่คนมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เราจำเป็นต้องเสียสละเสรีภาพบางส่วน เพื่อจะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข" ดร.จิรนิติ กล่าวทิ้งท้าย