นักวิชาการ แนะจับตา ชี้ AIS ร้องศาลสั่งห้ามควบรวมทรู-ดีแทค
ดร.สุชาติ แนะจับตามองเกมต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของค่ายมือถือ หลังบริษัทลูกAIS ร้องศาลสั่งห้ามควบรวมทรู-ดีแทค ชี้ การให้รายเล็กกว่าคืนคลื่นและจำกัดการใช้คลื่นความถี่ ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด
รศ.ดร.สุชาติ ไตรภพสกุล อาจารย์ประจำ คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ให้ความเห็นกรณีมีข่าวว่า อาจจะมีการการยื่นคำร้องโดย บริษัทAdvanced Wireless Network (AWN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ AIS ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามการควบรวมกิจการการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ว่า ปัจจุบันก่อนการควบรวมผู้ที่มีคลื่นมากที่สุดคือเอไอเอส แต่หลังจากการควบรวมจะทำให้ผู้ประกอบการค่ายมือถือทั้งสองรายคือ เอไอเอส และทรูดีแทค ถือครองคลื่นในจำนวนใกล้เคียงกัน
ดังนั้นการร้องศาลฯขอให้คู่แข่งลดจำนวนคลื่น จึงถือเป็นยุทธศาสตร์ที่น่าจับตา โดยมีการอ้างถึงคำร้องต่อศาลฯระบุว่ามติของ กสทช.ขัดแย้งกับเงื่อนไขการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ในอดีตที่ห้ามผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ถือแบนด์วิธรวมของคลื่นความถี่ในหลายช่วงความถี่ที่เกินหลักเกณฑ์การจำกัดคลื่นความถี่ซึ่งอาจนำไปสู่การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ทั้งที่จริง ๆ แล้วผู้ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดคือลูกค้า ที่จะได้บริการที่ดี และที่สำคัญ ผู้เล่นทุกรายก็จะมีจำนวนคลื่นที่ใกล้เคียงกัน
"การที่ผู้นำตลาดเดิมก่อนควบรวมซึ่งยังถือคลื่นความถี่มากที่สุด เรียกร้องบอกให้รายเล็กกว่าต้องคืนคลื่นและจำกัดการใช้งานประโยชน์จากคลื่นความถี่ในการให้บริการประชาชนนั้น อาจจะทำให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์ และจะมีเพียงผู้นำตลาดเดิมที่จะได้ประโยชน์จากคู่แข่งที่ถูกตัดกำลังลง ดังนั้นหากวิเคราะห์ในภาพใหญ่อุตสาหกรรมแล้ว หากมีการให้ผู้ควบรวมกิจการคืนคลื่น ก็ควรต้องกำหนด spectrum cap ทั้งอุตสาหกรรม ในการนี้ก็จะส่งผลให้ AIS ในฐานะที่มีคลื่นมากที่สุดก็ต้องโดนกำกับด้วย ตามหลักการแข่งขันที่เป็นธรรมและเท่าเทียม ทั้งนี้เพราะการให้รายเล็กกว่าคืนคลื่นเพื่อตนเองครองความได้เปรียบต่อไปเหมือนที่ทำมาตลอด30 กว่าปี อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด ดังนั้นจึงต้องจับตามองถึงเกมการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของค่ายมือถือของไทยกันต่อไปว่าใครคือผู้ได้ประโยชน์ตัวจริง" รศ.ดร.สุชาติ กล่าว