"เจ้าอาวาส" สั่งซื้อยาบ้ามาเสพ-แบ่งขาย ตร.บุกจับวุ่น ญาติโยมเต็มวัด

"เจ้าอาวาส" สั่งซื้อยาบ้ามาเสพ-แบ่งขาย ตร.บุกจับวุ่น ญาติโยมเต็มวัด

งามไส้ พระติดยา "เจ้าอาวาส" สั่งซื้อยาบ้ามาเสพ-แบ่งขาย ตร.บุกจับวุ่น ญาติโยมเต็มวัด เดือดร้อนโยมแม่ แต่สุดท้ายสารภาพ

ตำรวจชุดสายสืบสถานีตำรวจภูธรอินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี สืบทราบว่ามีพ่อค้ายาบ้าได้นำยาบ้ามาจำหน่ายและได้มาแวะพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อ วันที่ 26 ธ.ค.65 เวลา 15.00 น. จึงประสานชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรบางระจัน นำกำลังเข้าตรวจค้นที่ห้องพัก นายเบียร์ (นามสมมติ) 

ทันทีที่ นายเบียร์ เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบกลืนยาบ้าจำนวน 10 เม็ดลงคอทันที หลังจากตรวจค้นห้องพักไม่พบยาเสพติด สอบสวนนายเบียร์ ได้สารภาพว่า ได้กลืนยาบ้าไป 10 เม็ด และเมื่อตอนเวลา 14.00 น. ได้นำยาบ้าจำนวน 1 ถุง มีทั้งหมด 200 เม็ด ไปส่งขายให้กับพระซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแถวอำเภอบางระจัน โดยพระได้ขับรถยนต์ส่วนตัวมา เมื่อส่งยาให้ แล้วได้รับเงินมาจำนวน 2,000 บาท จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ จนกระทั่งนายเบียร์ โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้

จากนั้นเวลา 16.00 น. ชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรบางระจัน จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่ วัดสามัคคีธรรม เลขที่ 36/1 หมู่ 3 ตำบลสระแจง อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี และได้ไปขอพบพระอธิการศิรวัฒน์ สิริวฑุฒโน อายุ 44 ปี เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม โดยแจ้งว่า มีพ่อค้ายาบ้ารับสารภาพว่าได้ขายยาให้กับพระศิรวัฒน์ มีหลักฐานทั้งการคุยซื้อขายกันในแชทในแอปพลิเคชั่นไลน์และเบอร์โทรที่คุยกัน จากการสอบสวน

เบื้องต้นพระศิรวัฒน์ ปฏิเสธไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะ ไม่ยอมให้ค้นกุฏิ ถ่วงเวลาโดยบอกว่าปัสสาวะไม่ออก และรอโยมพ่อกับแม่และญาติพี่น้องมา และได้ล็อคกุฏิไว้ไม่ให้ใครเข้า ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะอธิบายในเรื่องข้อกฎหมายที่สามารถจะตรวจค้นก็ตาม พระศิรวัฒน์ ก็ไม่ยอมให้ค้นและทวงถามหมายศาล จนมีชาวบ้านหลายคนมารวมตัวที่วัดร่วม 50 คน ต่างตะโกนให้พระศิรวัฒน์ไปตรวจปัสสาวะเสียที ทั้งนี้ชาวบ้านบอกว่าสงสัยมาเกือบ 2 ปีแล้วว่า พระศิรวัฒน์ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแต่ไม่มีหลักฐาน 

 

ต่อมา พระครูสุนทรโกศล เจ้าคณะตำบลสระแจง -บ้านจ่า เดินทางมาที่วัดสามัคคีธรรม ท่านได้กล่าวว่า ปกติเห็นว่า พระศิรวัฒน์ เป็นคนเรียบร้อย ดูเงียบๆ เฉยๆ พูดตลกๆ เพิ่งจะทราบเหตุการณ์ว่า พระศิรวัฒน์ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

เหตุการณ์ยืดเยื้อจนถึงเวลา 19.48 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตัดสินใจพาตัว พระศิรวัฒน์ ขึ้นรถสายตรวจของเจ้าหน้าที่เพื่อนำตัวไปตรวจปัสสาวะที่สถานีตำรวจภูธรบางระจัน แต่ตัว พระศิรวัฒน์ ยังขัดขืนไม่ยอมขึ้นรถ จนกระทั่งเวลา 19.52 น. จึงสามารถนำตัว พระศิรวัฒน์ ขึ้นรถไปได้ หลังจากนั้นเมื่อไปถึงที่สถานีตำรวจภูธรบางระจันแล้ว นำไปตรวจปัสสาวะ

 เบื้องต้นพบปัสสาวะมีสีม่วงเข้ม แต่ พระศิรวัฒน์ ยังไม่ยอมรับ ยังเล่นลิ้นว่าถึงปัสสาวะจะมีสีม่วงแต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสารเสพติดหรือไม่ สร้างความปวดหัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก จึงต้องนำตัว พระศิรวัฒน์ ไปตรวจปัสสาวะที่โรงพยาบาลเพื่อแยกสารเสพติดในปัสสาวะ ซึ่งก็พบ 

จากนั้นจึงพาตัวมาค้นยาบ้าที่กุฏิ โดยทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 3 ท่าน พระศิรวัฒน์ และโยมแม่ของพระได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปและไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวหรือชาวบ้านเข้าไปดูเหตุการณ์โดยก่อนเข้าห้องได้หันมาต่อว่าผู้สื่อข่าวว่า “คุณจะทำให้เสียชื่อเสียงวัดทำไมล่ะคะ” ผู้สื่อข่าวจึงตอบไปว่า “ใครทำให้วัดเสียชื่อเสียงกันแน่” และพากันขึ้นไปค้นหาหลักฐานในกุฏิและล็อคห้องทันที แต่ห้องเป็นกระจกยังพอสามารถมองเห็นได้ และไม่นานโยมแม่ของพระก็ได้มาปิดผ้าม่านภายในห้องสร้างความกังขาให้กับชาวบ้านยิ่งนัก

จนสักพัก พ.ต.ท.นรินทร์ ไรไสว สารวัตรสืบสวน สภ.บางระจัน ได้เปิดประตูออกมาชี้แจงว่า ให้ชาวบ้านใจเย็นๆ ตอนนี้เจอของแล้ว และเป็นขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ในการตรวจ และได้ถ่ายวิดิโอไว้อยู่ ถ้าสงสัยให้ตามไปดูของกลางที่โรงพักได้ไหม ชาวบ้านต่างตะโกนว่า ขอให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านเข้าไปดูร่วมด้วย ชาวบ้านจึงพากันสงบลง


จนกระทั่งเวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว พระศิรวัฒน์ และหลักฐานทั้งหมด มียาบ้า 198 เม็ด ปืนไฟแช็ค 2 กระบอก และอุปกรณ์ในการเสพยาที่ใส่ไว้ในกระติกน้ำ ขึ้นรถและนำ พระศิรวัฒน์ ไปสึกจากความเป็นพระ พร้อมควบคุมตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรบางระจัน 

พระศิรวัฒน์ ยอมรับสารภาพว่า ได้ซื้อยาบ้าจากพ่อค้ายามาเสพอย่างเดียว ไม่ได้นำไปขายให้ใคร ที่ซื้อมาเยอะเพราะจะได้ไม่ต้องซื้อบ่อย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนเพิ่มเติม ตั้งข้อกล่าวหา มียาเสพติด ( เมทแอมเฟตามีน ) ไว้ในความครอบครอง อันถือว่าเป็นการจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป