"สามารถ"แนะ "แทนคุณ" งัดกลไก ร้องป.ป.ง.ช่วยเหยื่อ"คดีประสิทธิ์ เจียวก๊ก"

"สามารถ"แนะ "แทนคุณ" งัดกลไก ร้องป.ป.ง.ช่วยเหยื่อ"คดีประสิทธิ์ เจียวก๊ก"

"สามารถ"แนะ "อี๊ แทนคุณ" ใช้กลไกร้องป.ป.ง.ช่วยผู้เสียหาย "คดีประสิทธิ์ เจียวก๊ก" ช่วยประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตส.ส.กทม.พาผู้เสียหายคดีนาย นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงประชาชน ไปร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า มีหลายคนบอกกับตนว่าไปกับนายแทนคุณหลายที่แล้ว แต่เงินก็ยังไม่ได้คืน โดยตนต้องขอบคุณนายแทนคุณที่ลงมาช่วยผู้เสียหาย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องรู้จักใช้อาวุธที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในคดีประสิทธิ์ตนได้ประชุมคณะกรรมการฉ้อโกงประชาชนที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐมนตรี ในชุดนั้น  มีทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  และ อีกหลายหน่วยงาน  จนมีการจับกุมขึ้น  

นายสามารถ กล่าวต่อว่า ตนก็เคยได้พาผู้เสียหายคดีประสิทธิ์ ไปร้องเลขา ปปง.จนทำให้มีการอายัดทรัพย์สินไว้ส่วนหนึ่ง และมีการประกาศคุ้มครองสิทธิ์ตามคำสั่ง ปปง.โดยมีคำสั่งที่ ย. 22 /2565 ลงวันที่ 11 ม.ค.2565 ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราวราย นายประสิทธิ์ กับพวก รวม 20 รายการ มูลค่าทั้งสิ้น 89,851,171.88 บาท และ คำสั่งที่ ย. 159 /2564 ลงวันที่ 8 ก.ย.2564 ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราวราย นายประสิทธิ์ กับพวก 89 รายการ รวมมูลค่า 130,371,449.55 บาท รวมทรัพย์สินถูก ปปง.ยึดและอายัด 2 ครั้ง รวม 109 รายการ มูลค่า 220,222,621.43 บาท  

"การที่นายแทนคุณพาผู้เสียหายไปในที่ต่างๆ เช่นจะให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ นายแทนคุณอาจจะไม่มีประสบการณ์ทางด้านกฏหมาย หรือ ยังไม่เข้าใจกลไกกระบวนการยุติธรรม เพราะการที่ไปร้องให้รับเป็นคดีพิเศษนั้น จะทำให้ตัดอำนาจการสอบสวนของตำรวจ  และจะทำให้จำเลย หรือ นายประสิทธิ์  ประกันตัวเพียงที่เดียว"

นายสามารถ กล่าวต่อว่า คดีแชร์ลูกโซ่นั้นมีผู้เสียหายหลายคนจำนวนมาก  มีการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ  กรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบท ดังนั้น ถ้าจะให้ผู้ต้องหาติดคุกนานๆนั้น  ต้องแยกฟ้องหลายพื้นที่ และ ให้นับโทษต่อ เพราะ เป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระ ไม่เช่นนั้นตำรวจและอัยการจะรวมสำนวนฟ้อง คือกรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบท ให้นำบทหนักสุดมาลงโทษ แปลว่าศาลจะตัดสินจำคุกประสิทธิ์กี่แสนปี ก็จะลงโทษได้ไม่เกิน 20 ปี ตนอยากชี้แนะผู้เสียหาย

"ผมช่วยเหลือผู้เสียหายฟรีมาเป็น  1,000 คดี จึงอยากบอกว่าการพาผู้เสียหายไปร้องทุกข์ แจ้งความ มันไม่ได้ยาก แต่ความหวังของผู้เสียหายนั่นคือสิ่งที่ต้องรักษาไว้ผมทำคดีแชร์ลูกโซ่มาจะสิบปีแล้ว  เห็นอะไรมาเยอะ  บางคนลงมาช่วยปี สองปี  บางครั้งอาจจะมองภาพไม่ออก พาลงคลอง  ตกถนนก็มีเยอะ ผมขอแนะนำให้ผู้เสียหายคดีประสิทธิ์ต้องมาร้องที่กรรมาธิการ ปปง  เพื่อให้มีการไล่เส้นเงินมาคืนให้กับผู้เสียหาย เพราะมีการถอนอายัดทรัพย์สิน นายประสิทธิ์ไป  3 รายการ ดังนี้

รายการแรก (รายการที่ 3 ในคำสั่งอายัดทรัพย์) โฉนดที่ดินเลขที่ 42057 เลขที่ดิน 614 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เนื้อที่ 27.3 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ตึกแถวสี่ชั้น มีชื่อ นายทวีศักดิ์ สุขยืน เป็นถือกรรมสิทธิ์/ผู้ครอบครอง ราคาประเมิน 4,500,000 บาท

รายการที่สอง (รายการที่ 16 ในคำสั่งอายัดทรัพย์) เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย สาขาวงศ์สว่าง ในชื่อ บริษัท พุทธธรรมประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยอดคงเหลือ 30,000 บาท

รายการที่สาม (รายการที่ 20 ในคำสั่งอายัดทรัพย์) เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาวงศ์สว่าง ในชื่อ บริษัท พุทธธรรมประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยอดคงเหลือ 3,118,484.94 บาท 

รวมมูลค่าทรัพย์สิน 3 รายการ 7,648,484.94 บาท

เท่ากับนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก กับพวก ถูก ปปง.สั่งยึดและอายัดทรัพย์สิน 2 ครั้งรวม 106 รายการ   212,574,137 บาท

นายสามรถ ยังกล่าวด้วยว่า ตนยังช่วยผู้เสียหายที่ถูกหลอกจากแชร์ลูกโซ่อยู่เช่นเดิม แต่จะช่วยผลักดันในภาพใหญ่  เช่นการออกกฏหมาย  การใช้กลไกรัฐช่วยเหลือผู้เสียหาย  ไม่ใช่การเดินพาผู้เสียหายไปแจ้งความดังนั้นเราต้องฝึกหน่วยงานรัฐให้เข้าใจการรับมือปัญหาแชร์ลูกโซ่  การบูรณาการทุกหน่วยงานให้แก้ปัญหาแบบองค์รวม และ  ทำเชิงรุก ทั้งนี้การแก้ปัญหาแชร์ลูกโซ่ ไม่ใช่แค่การเตือนประชาชน แต่สิ่งสำคัญที่สุด ต้องไปดูงานประเทศจีนโมเดลแล้วจะเข้าใจว่าทำไมปัญหาแชร์ลูกโซ่ในประเทศจีนถึงแทบจะไม่มีเลย  แล้วทำไมประเทศจีนถึงเป็นประเทศมหาอำนาจ