"ดีพร้อม" ยกระดับเอสเอ็มอี รุกตลาดผลไม้แปรรูป คาดมูลค่าโต17.5 ล้านบาท
ดีพร้อม เผยความสำเร็จ ผลักดันกลุ่มเอสเอ็มอี สร้างมูลค่าผลไม้แปรรูป ผ่านกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมแปรรูปให้กลุ่มเอสเอ็มอี ดันสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 17.5ล้านบาท
น.ส.อริยาพร อำนรรฆสรเดช ผู้อำนวยการกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการซึ่งยกระดับสินค้าเกษตรสู่เกษตรอุตสาหกรรมแปรรูปครบวงจร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน OTOP ที่เกี่ยวข้องกับผลไม้ โดยมีเกษตรกรและผู้ประกอบการ SMEs จำนวนมากได้รับประโยชน์ ทั้งได้รับองค์ความรู้และทักษะการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยเทคโนโลยีและนวัตกรรมแปรรูปจนถึงการจับคู่ธุรกิจกับธุรกิจบริการอาหารที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันผลิตภัณฑ์สู่ตลาดทั้งในประเทศไทยเอง และตลาดส่งออกผลไม้แปรรูปซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2565 ช่วง ม.ค.-พ.ย. เฉพาะผลิตภัณฑ์ผลไม้กระป๋องและแปรรูป มีมูลค่าส่งออกราว 63,202 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"โครงการฯ เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค .2565 และสิ้นสุดโครงการภายในเดือนม.ค.นี้ โดยได้ดำเนินการพัฒนาผลไม้ 3 ชนิด ได้แก่ มะม่วง ฝรั่ง และอะโวคาโด ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ในพื้นที่รวม 14 จังหวัดทั่วประเทศ มีผู้เข้าร่วมอบรมไม่น้อยกว่า 740 คน แบ่งเป็นกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะกระบวนการแปรูปผลไม้เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มผลไม้ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และกิจกรรมเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ ด้วยเมนูผลไม้เพื่อสุขภาพ เน้นการนำวัตถุดิบแปรรูปเบื้องต้น จากหลักสูตรที่ 1 มาประยุกต์เป็นเมนูอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเชื่อมโยงให้เกิดการต่อยอดจากสินค้าที่โรงงานแปรรูปผลิตเข้าสู่ธุรกิจบริการอาหาร" น.ส.อริยาพร กล่าว
น.ส.อริยาพร กล่าว กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้นยังมีการจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจที่มีธุรกิจบริการอาหาร ธุรกิจโรงแรมที่พัก ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจจัดหน่ายออนไลน์ รวม 18 กิจการ ให้ความสนใจเข้าร่วม มีการเจรจาธุรกิจระหว่างกันมากกว่า 90 คู่เจรจา สร้างยอดขายปีแรกได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ในขณะที่ภาพรวมผลสำเร็จของการดำเนินโครงการฯ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพิ่มผลิตภาพไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 คิดเป็นมูลค่ารวมไม่น้อยกว่า 17.5 ล้านบาทต่อปี หรือประเมินได้ว่าสามารถนำผลผลิตผลไม้ เข้าสู่กระบวนการแปรรูปเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 300 ตัน ในปีที่ 1 ซึ่งเป็นการส่งเสริมการแปรรูปภายใต้แนวคิดลดการสูญเสียของอาหาร