รษก.เจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร พร้อม"ทนายอนันต์ชัย"ร้องเอาผิดพระ-ฆราวาส 44 คน
รักษาการเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร พร้อม "ทนายอนันต์ชัย" แจ้งความ 4 ข้อหา เอาผิดพระภิกษุ-สามเณร ฆราวาส รวม 44 คน หลังถูกกล่าวหาว่า “ลุแก่อำนาจ ดูหมิ่นพระ เณร ทำลายสถานที่วัด”
2 ก.พ.66 ที่สน.จักรวรรดิ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมองสรภาณมธุรส (พชรกรโกศล) ฉายา เหยี่ยวหาย รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร ได้เดินทางมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลจักรวรรดิ เพื่อดำเนินคดีกับพระภิกษุ 4 รูป สามเณร 32 รูป ฆราวาส 2 คน และครู 5 คน รวม 44 คน ในข้อหาร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงาน แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน หมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,136,137 และมาตรา 326
โดยนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาครว่า เมื่อประมาณต้นเดือนพฤษภาคม 2565 ได้ถูกกลุ่มบุคคลทั้ง 44 คน ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังคณะสงฆ์อนัมนิกาย โดยกล่าวหาว่ารักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร “เป็นผู้ลุแก่อำนาจ เผด็จการ ใช้วาจากล่าวดูถูกเหยียดหยาม ดูหมิ่น ดูแคลน ทำร้ายจิตใจพระภิกษุ สามเณร โดยมักกล่าวว่า พระภิกษุ สามเณร ภายในวัดเป็นขยะของสังคม โรงเรียนผลิตพระภิกษุ สามเณรออกมาเป็นขยะสังคม ใช้อำนาจสั่งการทุบ และทำลายอาคารสถานที่ต่างๆ ภายในวัด และโรงเรียน ทั้งที่ศพอดีตเจ้าอาวาสยังตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ สร้างความเดือดร้อนแก่พระภิกษุ สามเณร โดยไม่ได้วางแผนรองรับใดๆ"
นอกจากนี้ ยังกล่าวหาอีกว่า "เป็นพระที่ไม่มีสัจจะ ไม่เคารพมติที่ประชุม ก่อให้เกิดความเสียหายต่อคณะสงฆ์ วัดกุศลสมาคร และเกิดความเสียหายต่อโรงเรียนกุศลสมาครวิทยาลัย และก่อความเสียหาย ความเดือดร้อนเสียหายที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะโบราณวัตถุภายในอุโบสถ และอัฐิของอดีตเจ้าอาวาส" ซึ่งข้อความดังกล่าว ล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น
ด้านองสรภาณมธุรส กล่าวว่า อาตมาเป็นรองเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร และทางคณะสงฆ์อนัมนิกาย ได้มีมติมอบหมายให้อาตมาเป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 หลังจากที่พระมหาคณานัมธรรมปัญญาธิวัตร (ถนอม เถี่ยนถึก) อดีตเจ้าคณะใหญ่อนัมนิกาย อดีตเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร ได้มรณภาพลง เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2565
จากนั้นมีพระบางกลุ่มทั้งใน และนอกวัด รวมถึงฆราวาส และครูในโรงเรียนกุศลสมาครวิทยาลัย ไม่ต้องการให้อาตมาเป็นรักษาการเจ้าอาวาส และไม่ต้องการให้เป็นเจ้าอาวาส จึงร่วมกันร้องเรียนใส่ร้ายป้ายสี ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง
ทั้งนี้ รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร ยังระบุอีกว่า อาตมาในฐานะเจ้าพนักงาน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งถูกต้องตามกฎของคณะสงฆ์อนัมนิกาย จึงมิอาจปล่อยให้กลุ่มบุคคลทั้ง 44 คน กระทำการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน แจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาทได้ จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ ให้พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพื่อหยุดพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลทั้ง 44 คนนี้
หลังจากนั้น ได้มีนายสามารถ สุธรรมพิทักษ์ ซึ่งเป็นผู้ถวายที่ดินและขออนุญาตจัดสร้างวัดธรรมปัญญารามบางม่วง พร้อมด้วยกลุ่มพุทธศาสนิกชน ชาวบ้านบางม่วงจำนวนหนึ่ง ได้มายื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบเจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามบางม่วง กรณีสร้างกฏิรุกล้ำลำคลองสาธารณะ สร้างโรงครัวไม่ได้ขออนุญาต ไม่ดำเนินการจัดตั้งคณะอนุรักษ์โรงเจ ตามมติที่ประชุม และที่สำคัญ นำเงินวัดไปซื้อที่ดิน ใส่ชื่อเป็นของเจ้าอาวาส และนำไปขายต่อให้บุคคลที่สาม โดยนายสามารถและคณะ เคยยื่นหนังสือไปยัง ป.ป.ช.แต่ไม่มีความคืบหน้า