รวมมิจ การลงทุน
และแล้วก็เข้าสู่เดือนสุดท้ายของไตรมาสแรกของปี 2023 กันแล้วนะครับ จะว่าไปเวลาก็ผ่านไปเร็วเหมือนกันนะครับ ใน 2 เดือนที่ผ่านมามีข่าวมากมายเกิดขึ้น
ทั้งเรื่องการสูญเสียครั้งใหญ่ของโลกอย่างแผ่นดินไหวที่ตุรกี – ซีเรีย การขอยกเลิกกิจการของบริษัทประกันภัยใหญ่ รวมไปถึงข่าวของการยุบสภาและจะมีการเลือกตั้งใหม่ แต่ไม่ว่าจะมีข่าวอะไร แต่จะมีหนึ่งข่าวที่เราจะได้ยินกันมาอย่างต่อเนื่องเสมอ ซึ่งก็คือหัวข้อคอลัมน์ในวันนี้ครับ หลายคนอาจจะคิดว่า
ผมเขียนผิดหรือเปล่า แต่ไม่ผิดครับ เพราะว่ามิจ ที่ผมว่านี้ หมายถึงมิจฉาชีพ นั่นเอง วันนี้ผมมีผู้เชี่ยวชาญในด้านการวางแผนการเงินของบริษัท Wealth Creation International Investment Advisory Security Co., Ltd. คุณปิติพงษ์ รุ่งเรืองวุฒิกุล CFP® จะมาเล่าถึงการระวังตัว และถ้าหากเราพลาดในการโดนกลุ่มมิจฉาชีพนี้หลอกลวงเราจะทำยังไงต่อดี
เนื่องจาก ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานั้นตัวผมได้มีโอกาส แวะเวียนเข้าไปที่สถานีตำรวจอยู่หลายครั้ง (2 ครั้งเพื่อแจ้งความเอกสารหาย อีกครั้งกรณีรถโดนชนแล้วหนี) แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ทุกครั้งที่ผมเข้าไปลงบันทึกประจำวัน จะต้องพบผู้เสียหาย เข้ามาร้องทุกข์กรณีถูกมิจฉาชีพ หลอกทางออนไลน์ทุกครั้ง
ซึ่งผมที่เป็นผู้รอคิวคนถัดไป ก็ได้รับฟังเรื่องราวไปกับเขาด้วย ซึ่งผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับหลายๆท่าน เพราะ เรื่องที่ผมเจอมานั้น เป็นเหตุการณ์ของผู้เสียหาย ที่โดนหลอกเอาเงินไปหลักแสนถึงหลักล้าน และเรื่องได้มาถึงตำรวจแล้ว เราจะได้รับทราบถึงขั้นตอนที่ว่า หากตกเป็นผู้เสียหายแล้ว จะต้องทำอย่างไร และหากมาแจ้งความแล้ว จะเป็นยังไงต่อไป จะได้เงินคืนมาไหม ซึ่งเราคงจะไม่มีทางทราบจนกว่าจะตกเป็นผู้เสียหายนั่นเอง
อย่างแรกเลยนั้นขอพูดถึงโอกาส จะได้เงินคืนนั้น ต้องบอกว่า “ยาก” เพราะ ทางคนร้ายจะใช้บัญชีม้า หรือบัญชีนอมินี ของคนอื่นมารับเงินจากเรา และเมื่อได้รับเงินโอนจากเราแล้ว ก็จะ รีบโอนออกมาไปบัญชีอื่นทันที ซึ่งนั่นหมายความว่าเราจะมีข้อมูลบัญชีแค่ของผู้รับเงินโอนซึ่งเป็นบัญชีม้า เท่านั้น ซึ่งเมื่อเรามาแจ้งความแล้ว
ทางตำรวจก็จะออกเอกสารให้เราไปแจ้งธนาคารปลายทางที่เราโอนเงินไป เพื่อการระงับบัญชีไว้ก่อน เพื่อนำเงินมาคืนเรา แต่เงินในบัญชีก็ถูกโอนออกไปหมดแล้ว ทางตำรวจที่เราไปแจ้งความทำได้เบื้องต้นก็แค่เรียกเจ้าของบัญชีม้ามารับผิดเท่านั้น โดยหากต้องการจะได้เงินคืนจะต้องทำการสืบไปถึงขบวนการ ซึ่งต้องส่งเรื่องไปถึงกองบัญชาการตำรวจกันเลย
โดยตัวผมขอแชร์ จากเรื่องที่ผมได้ยินมาจากทาง สน. นะครับ โดยเคสแรก เป็นเคสที่ผู้เสียหาย ได้เข้าไปเล่นเกมร่วมสนุกกับทาง Facebook และ Tiktok กับคนๆหนึ่ง โดยทางคนร้ายได้อ้างว่าทางผู้เสียหายเป็นผู้ชนะเกม และจะได้เงินรางวัล แต่ตัวคนร้ายจะขอยืมเงินรางวัลไปลงทุนก่อน และจะให้ดอกเบี้ยกลับมาเป็นจำนวนสูงให้กับทางผู้เสียหาย พร้อมทั้งยังเอ่ยชวนให้ผู้เสียหายมาลงทุนด้วยกัน จะได้ได้ดอกเบี้ยผลตอบแทนเพิ่มด้วย ผู้เสียหายเห็นว่าทางคนร้ายมีตัวตนจริงน่าเชื่อถือ ก็เลยยอมตามที่คนร้ายเสนอ สุดท้ายก็โดนหลอกไป
เคสถัดมาเป็น ผู้หญิงสองท่าน ถูกหลอกจากทาง Social Media เหมือนกันว่า ตนเองนั้นมีสูตรในการเล่นบาคาร่าออนไลน์ เล่นแล้วชนะ และรับจ้างเล่น ใครสนใจสามารถโอนเงินจ้างตัวคนร้ายให้เล่นได้ และจะแบ่งกำไรให้ โดยเหยื่อก็หลงกลโอนเงินไปให้เล่นเรื่อยๆ ที่ละ 30,000-50,000 สุดท้ายจบรวมกันที่ 500,000 แล้วคนร้ายก็ปิดทุกอย่างหายไปเลย
จะเห็นได้ว่าคนร้ายจะมีวิธีการที่คล้ายๆก็นั่นก็คือ เอาผลตอบแทนมาล่อแล้วให้โอนเงินไปให้ เบื้องต้นอาจจะมีผลตอบแทนคืนมาบ้างเพื่อให้เหยื่อตายใจ สุดท้ายเมื่อเหยื่อยตายใจ โอนเงินไปให้มากขึ้น ก็จะเชิดเงินหนีไปเลย
สำหรับวิธีการที่จะป้องกันมิจฉาชีพพวกนี้นั้น ผู้เขียนอยากให้พิจารณาก่อนการลงทุนใดๆ ว่ามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ให้ผลตอบแทนสูงจนเวอร์ไปหรือไม่ และการจะลงทุนอะไรก็ตามที่ถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันนี้ ผู้ลงทุนจะต้องมีการทำ KYC หรือการ ยืนยันตัวตน มีการกรอกเอกสาร เซ็นเอกสารอะไรมากมายเต็มไปหมด ขั้นตอนเยอะมากกว่าจะได้โอนเงินออกไป ดังนั้น หากเจอการชักชวนให้ลงทุนอะไรที่ แค่โอนเงินไปง่ายๆแล้วจบเลย พึงให้ระวังกันไว้เลยครับ
สุดท้ายนี้ หากเราเกิดตกเป็นเหยื่อขึ้นมาหรือ มีคนรู้จักตกเป็นเหยื่อไปแล้ว ก็ให้ทำการแจ้งความออนไลน์(เฉพาะคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) ได้ที่ www.thaipoliceonline.com จะได้ไม่ต้องเดินทางไปที่ สน. เพราะอาจจะต้องใช้เวลานาน และสามารถแจ้งได้ทันที
หลังจากนั้นนำหลักฐานการแจ้งความติดต่อไปที่ธนาคารปลายทางที่เราโอนเงินไป เพื่อทำการอายัดบัญชีไว้ก่อนครับ ช่วยๆกันสอดส่อง เป็นหูเป็นตา คอยเตือนกันไม่ให้มีใครต้องตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพพวกนี้กันนะครับ เพราะตอนนี้ระบาดหนักมาก สน.ที่ผมไป เจ้าหน้าที่แจ้งว่าวันๆหนึ่งมีเข้ามาแจ้งความไม่ต่ำกว่า 10 เคสเลยทีเดียว