เหยื่อคดีแชร์-ฉ้อโกง ร้องนายกฯ "สามารถ" จี้เร่งช่วยผู้เสียหายนับหมื่นคน
เหยื่อคดีแชร์ลูกโซ่ -ฉ้อโกง บุกร้องนายกฯ
“สามารถ” บี้ ปปง. ต้องรุก ! หวั่นเงินสูญหาย จี้เร่งช่วยผู้เสียหายนับหมื่นคน
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ได้นำผู้เสียหายใน 3 คดีฉ้อโกง คือ คดีตะเกียงน้ำมันหอมระเหย คดียูฟัน และ คดีหลอกลวงทางออนไลน์ มาร้องต่อศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบถึงปัญหาคดีฉ้อโกงที่เกิดขึ้น โดยนายสามารถ กล่าวว่า ทั้ง 3 กลุ่มที่เดือดร้อนจากคดีแชร์ลูกโซ่ รวมแล้วนับหมื่นราย อย่างคดีตะเกียงน้ำมันหอมระเหย ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2555 จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหารายใดได้รับเงินคืน วันนี้จึงได้นำผู้เสียหายมาเร่งรัดกระบวนการยุติธรรมเยียวยา คืนเงินแก่ผู้เสียหาย หลังจากมีการโยนไปมาระหว่างศาลแพ่ง และ ปปง.เนื่องจากคดีนี้ คาบเกี่ยวระหว่างการแก้กฎหมายการฟอกเงิน ทำให้ปัญหากลายไปตกที่ประชาชน อีกทั้งคดีนี้มีเงินสด 74 ล้านบาท ที่ ปปง.ไปยึดมาได้ มีการคุ้มครองสิทธิ์และส่งศาลแพ่งพิจารณา แต่มีบางฝ่ายไปคัดค้าน ทำให้คดีไม่คืบหน้าเพราะคลาดเคลื่อนทางข้อกฎหมาย
ส่วนอีกคดี คือ ยูฟัน วันนี้มีผู้เสียหายหลายร้อยราย ที่ไม่ได้อยู่ในสำนวนตั้งแต่ครั้งแรก 2 พันกว่าคนนั้น ได้เข้าแจ้งความเพิ่มเติม ซึ่งเรื่องนี้ผู้เสียหายไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิ์ จึงต้องมาบอกนายกรัฐมนตรีว่า ให้ติดตามเรือ่งการยึดทรัพย์ เพราะผู้เสียหายจะได้เงินคืน
ส่วนคดีสุดท้าย คือ หลอกให้ทำงานออนไลน์ โดยการสมัครงานที่ต้องโอนยอดเงินเข้าไป และมีการโอนยอดเงินเพิ่มเติมการถอนภายหลัง แต่ปรากฎว่าไม่สามารถถอนเงินได้ เสียหายหลายแสนบาท ผ่านช่องทาง ติ๊กต๊อก และ โทรศัพท์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภัยฉ้อโกงกำลังเป็นภัยที่เข้าถึงง่าย
“ประชาชนกำลังลำบาก แล้วยังมีการซ้ำเติมกันแบบนี้อีก จึงฝากบอกนายกฯว่าต้องมีกฎหมายใหม่ มีหน่วยงานทำงานเชิงรุกปกป้องประชาชน ไม่ใช่รับเรื่องแล้วไปตามโจร เหมือนกับทีมฟุตบอล คือ รัฐอยู่กองหลัง อาชญากรคือกองหน้า กองหน้ายิงประตุไปแล้ว แต่กองหลังเพิ่งรู้ตัว เพราะวันนี้ผู้เสียหายออกมาร้อง รัฐถึงเพิ่งรู้ว่ามีการหลอกลวงแบบนี้เกิดขึ้น มันไม่ใช่ครับ...”
นายกสามารถ ย้ำว่า โอกาสทั้ง 3 คดี จะได้รับทรัพย์สินที่ถูกหลอกลวงคืนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหน่วยงานภาครัฐ เพราะกฎหมายฟอกเงิน ม.49 วรรคท้าย ระบุชัดว่า ทรัพย์สินนั้นเป็นของผู้เสียหาย ต้องคืนให้ผู้เสียหาย แล้วกฎหมายฟอกเงินไม่มีอายุความด้วย ดังนั้นหากมีผู้เสียหายมาร้อง และตำรวจหรือหน่วยงานรัฐไม่มีการคัดค้าน ก็สามารถได้รับเงินคืนแต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้นเป็นหน้าที่หลักของ ปปง.ที่ต้องทำงานเชิงรุกในการอายัดทรัพย์ให้เร็ว เพื่อไม่ให้เกิดกรณีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินที่ถูกฉ้อโกง
“ถ้าไม่มีอายัดจะได้เงินคืนอย่างไร วันนี้จึง เป็นหน้าที่ ปปง. ต้องไปอายัดทรัพย์ ต้องทำงานเชิงรุก เพื่อไม่ให้ทรัพย์สินเงินการโอนย้ายถ่ายเท ไม่ออกนอกประเทศได้ สมัยผมเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ผมเคยประชุมกับผู้ช่วยทางประเทศจีน เขาบอกว่าให้ไปดูงานที่จีน ไม่งั้นคนจีนจะมาหลอกคนไทยหมด ล่าสุด บิทคอยน์ ก็เป็นคนจีนที่มาหลอกคนไทย ผมถึงบอกว่าประเทศไทยต้องมีกฎหมายออกมาคุ้มครองประชาชน เพื่อปกป้องประชาชน แต่วันนี้เรื่องทรัพย์สินต้องรอกระบวนการศาล ไม่ทันอาชญากร กับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป” นายสามารถ ทิ้งท้าย