ความสุจริต ต้องไม่เป็นภาระประชาชน
โครงการแอชตัน อโศกชี้แจงถึงการดำเนินการด้วยความเชื่อถือโดยสุจริต และคงไม่ต่างกันที่หน่วยงานรัฐที่ออกมายืนยันถึงความสุจริตในหน้าที่กำกับดูแลการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งต้องทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด
โครงการแอชตัน อโศก ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ 51 ชั้น ตั้งบนถนนอโศกมนตรี (สุขุมวิท 21) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร จากโครงการที่มีจุดเด่นตั้งอยู่กลางเมืองและใกล้กับรถไฟฟ้าถึง 2 สาย ประกอบด้วยห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีสุขุมวิท) 20 เมตร และห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีอโศก) 230 เมตร ขณะนี้จุดเด่นดังกล่าวถูกกลบด้วยด้วยคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 27 ก.ค.2566
ทันทีทำมีคำพิพากาษาศาลปกครองสูงสุดออกมา บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการแอชตัน อโศก ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าการดำเนินโครงการนี้ผ่านการตรวจสอบประเด็นทางกฎหมาย รวมถึงข้อกําหนดที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตต่างๆ รวมทั้งสภาพที่ดินของโครงการอย่างรอบคอบรัดกุม รวมทั้งการพิจารณาอนุมัติในการทําโครงการได้ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากหน่วยงานรัฐไม่ตํ่ากว่า 8 หน่วยงาน จึงยืนยันได้ว่าบริษัทดําเนินการด้วยความสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย
การออกมายืนยันดังกล่าวเท่ากับเป็นการยืนยันว่าภาคเอกชนตรวจสอบประเด็นทางกฎหมายมาแล้วจึงเดินหน้ายื่นขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้เอกชนออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐได้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งอาจหมายถึงกรุงเทพมหานครที่เป็นผู้ออกใบอนุญาตก่อสร้าง สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่อนุมัติรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมล้อม และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผู้อนุญาตให้ผ่านทาง
ไม่ว่าข้อเท็จจริงทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการเพิกถอนใบอนุญาตการก่อสร้าง เป็นเรื่องที่ผู้พัฒนาโครงการและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต้องมาหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไรหลังจากมีคำพิพากาษาของศาลปกครองสูงสุด แต่สิ่งสำคัญนับจากนี้ คือ ผู้อาศัยในโครงการแอชตัน อโศก จะเป็นอย่างไร เพราะคนกลุ่มนี้ก็ถือได้ว่าเป็นผู้ซื้อคอนโดมิเนียมโดยสุจริต และทุกคนคาดหวังถึงความมั่นคงในชีวิตจากการถือครองที่อยู่อาศัยที่เป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์
ผู้ซื้อได้ซื้อที่อยู่อาศัยโดยสุจริต ในขณะที่ผู้พัฒนาโครงการชี้แจงถึงการดำเนินการด้วยความเชื่อถือโดยสุจริต และคงไม่ต่างกันที่หน่วยงานรัฐที่ออกมายืนยันถึงความสุจริตในหน้าที่กำกับดูแลการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เมื่อทุกฝ่ายยืนยันถึงความสุจริตก็ขอให้ความสุจริตนี้กระทบประชาชนน้อยที่สุด ผู้พัฒนาโครงการและหน่วยงานรัฐต้องมีส่วนร่วมในการออกแบบแนวทางช่วยเหลือประชาชนผู้ซื้อคอนโดมิเนียมที่กำลังเป็นทุกข์ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้