'นายกฯ'ประชุมบนรถไฟ สร้างระบบสาธารณูปโภค ดึงนักลงทุนเข้าพื้นที่อีอีซี
“นายกฯ”ล้อมวงประชุมบนรถไฟ เร่ง สร้างระบบสาธารณูปโภค-ดึงความเชื่อมั่น นักลงทุนต่างชาติเข้าพื้นที่อีอีซี ชี้ต้องทำได้จริง ไม่ขายฝัน ยัน สางปมอุปสรรคปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั่งรถไฟขบวนพิเศษ 995 จากสถานีรถไฟหัวลำโพงไปยังสถานีรถไฟแหลมฉบัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง รับฟังบรรยายสรุปภาพรวมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมถึงขีดความสามารถในการรองรับสินค้าของท่าเรือแหลมฉบัง
นายกฯกล่าวว่า ปัจจุบันมีความแออัดของการขนส่งสินค้า อยากให้แผนการพัฒนามีความคืบหน้าเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ที่ผ่านมาดูเหมือนจะล่าช้า และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดแถลงความคืบหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯโพสต์เฟซบุ๊กว่า "ผมตั้งใจนั่งรถไฟจากสถานีหัวลำโพง ไปศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี พูดถึงการเดินทางสะดวกและสะอาดมาก ระหว่างเดินทางตนจึงประชุมเตรียมข้อมูลสำหรับลงพื้นที่ EEC กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปด้วย
“ผมคิดว่า EEC เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ เราต้องเร่งรัดให้เกิดการเข้ามาลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งทางรัฐบาลต้องเตรียมระบบสาธารณูปโภค เช่น ระบบน้ำ มาตรการทางภาษี และอื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนครับ"
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินมาพูดคุยกับสื่อมวลชน ในระหวางนั่งลงไฟลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ชลบุรี และระยอง ว่า จากการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนลงพื้นที่ พบว่ามีแนวทางแก้ไขปัญหาได้มาก โดยเรื่องเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีซีซี )เป็นขุมทรัพย์ของประเทศ ซึ่งสาธารณูปโภคพื้นฐานเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องน้ำไฟฟ้า ราง ถนน
สนามบินท่าเรือ พลังงานพลังงาน และเรื่องภาษีและสิทธิประโยชน์ต่างๆ เมื่อเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษต้องมาดูว่าจากพิเศษจริงหรือไม่ และติดขัดปัญหาตรงไหนต้องแก้ไข ต้องดูว่าจะทำให้เป็นรูปธรรมอย่างไร มั่นใจว่าประเทศมีอะไรดีเยอะมาก จึงควรเพิ่มความสนใจในการมาลงทุน ทั้งโรงเรียน ระบบการดูแลสุขภาพ และดูว่าสิ่งที่เราโฆษณาชักชวนไว้ให้มาลงทุนสามารถทำได้จริงหรือไม่ และต้องชี้แจงว่าติดปัญหาตรงไหน รวมถึงต้องให้ประชาชนรับทราบว่าอีอีซี คืออะไร มีศักยภาพมากแค่ไหน ถ้าทำโครงการนี้สำเร็จได้จะยกระดับทรัพย์สินของประเทศให้เพิ่มสูงขึ้นได้มโหฬาร ทั้งนี้หลังจากการลงพื้นที่จะแถลงสรุปผลในช่วงบ่ายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีวิธีการประกาศเชิญชวนให้นักลงทุนรับทราบถึงศักยภาพของประเทศไทยได้อย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า มีแน่นอน โดยผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะต้องสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและสามารถทำได้จริงไม่ใช่วาทกรรมสวยหรู หากมีการตั้งคณะกรรมการย่อย ขึ้นมาดูแลจะดีมาก โดยต้องพิจารณาว่าต้องนำเรื่องเข้า
ครม. หรือไม่ เพื่อช่วยไปทลายกำแพงอุปสรรคต่างๆ
เมื่อถามว่า บางครั้งระบบการทำงานของราชการอาจจะไม่ทันใจกับนักธุรกิจที่จะมาลงทุน นายเศรษฐา กล่าวว่า ทราบอยู่แล้วว่าระบบราชการเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าข้าราชการมีความตั้งใจจริง หน้าที่เราต้องให้ความสำคัญ ต้องให้เกียรติและพูดคุยว่าปัญหาของเราคืออะไร โดยสะท้อนมาจากทบวงกรมและผู้นำต้องเป็นตัวเชื่อม นำปัญหาของแต่ละหน่วยงานของรัฐมาพูดคุย และพยายามแก้ไข ให้มากที่สุดอย่ามองว่าเป็นอุปสรรค เพราะความหวังจะลดน้อยลงไป แต่มองเป็นโอกาสมากกว่า และจากการพูดคุยร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการก็มีความหวังที่นายกลงมาดูแลปัญหาตรงนี้อย่างบูรณาการ