ม.ค.เปิดแรงส่งออกข้าวทะลุ1ล้านตัน ผวาปัจจัยเสี่ยงปี67ตั้งเป้า7.5 ล้านตัน
ปี 2567 เป็นอีกปีที่ ราคาข้าวเปลือกในประเทศปรับตัวทะลุตันละ 10,000 บาท นับเป็นผลดีต่อชาวนาที่ควรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ในทางปฎิบัติปริมาณผลผลิตที่ลดลงจากสภาพอากาศแปรปรวนและการแข่งขันในตลาดโลกทำให้การส่งออกข้าวปีนี้มีแนวโน้มลดลงจากปีที่ผ่านมา
รณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าข้อมูลใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศพบว่าตั้งแต่วันที่ 1 - 30 มกราคม 2567 มีปริมาณ 1,122,358 ตัน เพิ่มขึ้น 43.96% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณการขออนุญาตส่งออกข้าวอยู่ที่ 779,654 ตัน
กรมการค้าต่างประเทศร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยคาดการณ์ร่วมกันว่าการส่งออกข้าวไทยในปี 2567 จะมีปริมาณ 7.5 ล้านตัน โดยปัจจัยต่อการคาดการณ์ตัวเลขดังกล่าว ได้แก่ ผลผลิตข้าวของไทยที่คาดว่าจะลดลงจากปีก่อน 5.87% ซึ่งเป็นผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ และการส่งออกที่อาจเผชิญกับการแข่งขันและความท้าทายหลายประการ
โดยมีปัจจัยจากปริมาณผลผลิตข้าวโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณอุปทานข้าวโลกเพิ่มขึ้น การนำเข้าข้าวของประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งเกิดจากความนิยมของการบริโภคข้าวลดลง อาทิ จีน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ทำให้การแข่งขันทางด้านราคารุนแรงขึ้น ขณะที่ไทยมีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูงทำให้ราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศผู้ผลิตและประเทศผู้ส่งออก เช่น จีน เวียดนาม และอินเดีย
นอกจากนี้ มีสัญญาณว่าอินโดนีเซียอาจซื้อข้าวน้อยกว่าปีที่ผ่านมาเพราะมีข้าวค้างสต็อกจากปี 2566 ค่อนข้างมาก ขณะที่จีนมีการผลิตข้าวมากขึ้นและเริ่มปรับเปลี่ยนจากการเป็นผู้นำเข้าข้าวให้เป็นผู้ผลิตข้าวที่เพียงพอต่อการบริโภคของประชากรและอาจส่งออกในอนาคต นอกจากนี้ อินเดียอาจประกาศยกเลิกการระงับการส่งออกข้าวขาวฯ ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนของอินเดียกลับมาส่งออกข้าวได้เสรีตามปกติ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนเป็นความท้าทายต่อการส่งออกข้าวไทย
รายงานข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า สถานการณ์ข้าวโลกด้านผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐ ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี 2566/67 ณ เดือนม.ค. 2567 ผลผลิต 513.543 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก 512.960 ล้านตันข้าวสาร ในปี 2565/66 หรือเพิ่มขึ้น 0.11%
ขณะที่ด้านการค้าข้าวโลก บัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐ ได้คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2566/67 ณ เดือนม.ค. 2567 มีปริมาณผลผลิต 513.543 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2565/66 สัดส่วน 0.11% การใช้ในประเทศ 522.100 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2565/66 สัดส่วน 0.32% การส่งออก/นำเข้า 52.163 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2565/66 สัดส่วน 0.43% และสต็อกปลายปีคงเหลือ 167.249 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2565/66 สัดส่วน 4.87%
โดยประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ปากีสถาน จีน กัมพูชา เมียนมา บราซิล อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย ตุรกี และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ อินเดีย ไทย เวียดนาม อุรุกวัย และปารากวัย
ส่วนประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ ฟิลิปปินส์ จีน สหภาพยุโรป อิรัก อิหร่าน บังกลาเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เม็กซิโก สหราชอาณาจักร เนปาล เยเมน และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าลดลง ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย บราซิล กานา เคนยา และโมซัมบิก
ด้านประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีเพิ่มขึ้น ได้แก่ อินโดนีเซีย และสหรัฐ ส่วนประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีลดลง ได้แก่ จีน อินเดีย ไทย ไนจีเรีย และญี่ปุ่น
รณรงค์ กล่าวอีกว่า แนวทางการรับมือกับความท้าทายในการขายข้าวให้ประเทศคู่ค้าในประเด็นที่ราคาข้าวไทยสูงกว่าราคาข้าวของประเทศผู้ส่งออกรายอื่นอันเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตที่สูง ดังนั้นแล้วจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ไทยต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลกโดยพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีผลผลิตต่อไร่สูงไม่ควรน้อยไปกว่าผลผลิตข้าวต่อไร่ของประเทศผู้ส่งออกอื่น ซึ่งปัจจุบันมีผลผลิตต่อไร่สูงกว่าไทยทั้งสิ้น ประกอบกับพันธุ์ข้าวต้องมีความต้านทานโรคและแมลงเพื่อลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยและการกำจัดแมลง
“กรมฯ มีแผนเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์และขยายตลาดข้าวกับแอฟริกาใต้ ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดข้าวที่สำคัญอันดับต้นๆ ของไทย รวมทั้งการเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับรัฐบาลอินโดนีเซียและจีน รวมถึงประเทศอื่นที่มีความประสงค์ขอซื้อข้าวในรูปแบบ G to G ตลอดจนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญ และจัด Thai Rice Roadshow ประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดจีนด้วย”
สำหรับสรุปยอดส่งออกในปี 2566 ส่งออกข้าวได้ 8.76 ล้านตัน เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น13.62% คิดเป็นมูลค่า 178,136 ล้านบาท (ประมาณ 5,144 ล้านดอลลาร์)เพิ่มขึ้น 28.43 %ตามลำดับ
การส่งออกข้าวที่ดี จะสะท้อนกลับมาสู่รายได้ของชาวนาที่มีสัดส่วนประชากรมากเป็นลำดับต้นๆของประเทศ แต่ปี 2567 อาจไม่ใช่ปีที่ดีของการส่งออกข้าวเหมือนปีที่ผ่านมา แต่การเปิดตัวที่ดีในเดือนม.ค. อาจเป็นสัญญาณที่ดีต่อการหารายได้เข้าประเทศผ่านสินค้าที่ชื่อว่า “ข้าว”