'อนุทิน'เตรียมชง ครม.ปรับเกณฑ์ช่วยเหลือน้ำท่วมให้ได้มากขึ้น

'อนุทิน'เตรียมชง ครม.ปรับเกณฑ์ช่วยเหลือน้ำท่วมให้ได้มากขึ้น

“อนุทิน” เตรียมชง ครม.ปรับเกณฑ์ช่วยเหลือน้ำท่วมให้ได้มากขึ้น เร่งเคลียร์สิ่งกีดขวางแม่น้ำปิง-แม่น้ำกก ให้ไหลได้ดีขึ้น

เมื่อเวลา 09.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วม หลังจากลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการเร่งรัดและสั่งการให้กระทรวงการคลังโอนงบกลางที่จะไปช่วยเหลือประชาชนเป็นรายครัวเรือน ทราบว่า ช่วงบ่ายเมื่อวันที่ 25 ก.ย. เงินจากกรมบัญชีกลางได้เข้ามาที่บัญชีของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแล้ว โดยกระทรวงมหาดไทยได้เร่งสำรวจตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ก.ย. เพื่อที่จะนำรายชื่อของผู้ที่จะได้รับเงินเยียวยาก้อนนี้ โดยจะทยอยโอนเข้าบัญชี

ทั้งนี้ ในส่วนการเยียวยานั้น นายกฯอยากให้ใช้มาตรฐานสูงสุด แต่เราต้องดูด้วยว่าเข้าเกณฑ์หรือไม่ โดยตามเกณฑ์จะมีการจ่าย 5,000 บาท 7,000 บาท และ 9,000 บาทต่อครัวเรือน แต่ในความเป็นจริงแม้จะจ่าย 9 พันบาท แต่ไม่มีทางพอ ซึ่งต้องมาดูว่าหากจะปรับเปลี่ยนเกณฑ์ช่วยเหลือประชาชนให้จ่ายมากขึ้นนั้น จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบ โดยจะมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันที่ 1 ต.ค.

ผู้สื่อข่าวถามว่า บางจังหวัดที่มีน้ำท่วมซ้ำอย่าง จ.เชียงราย จะต้องมีการช่วยเหลือมากขึ้นกว่าปกติหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตามเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือจ่ายได้แค่ครั้งเดียวสำหรับสถานการณ์แบบนี้ ส่วนเรื่องการซ่อมแซมบ้านจะมีการช่วยเหลืออีกหมวดหนึ่ง โดยกระทรวงมหาดไทยจะให้งบในการซ่อมแซมบ้าน 49,500 บาท และมีในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรีอีก ฉะนั้น เราจะพยายามหาความช่วยเหลือมาให้มากที่สุดจากหลายๆ ส่วนที่เกี่ยวข้อง ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะมีมาตรการช่วยเหลืออยู่แล้ว

 

เมื่อถามว่า หากดูจากสภาพน้ำและปริมาณฝนในตอนนี้ จะใช้เวลาเคลียร์นานเท่าไหร่ โดยเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย นายอนุทิน กล่าวว่า น้ำที่ท่วมในขณะนี้เป็นน้ำที่เอ่อขึ้นมา ที่ จ.เชียงใหม่ คือ แม่น้ำปิง ส่วนที่ จ.เชียงราย คือ แม่น้ำกก ทางผู้ว่าราชการจังหวัดต้องพยายามทำให้น้ำมันไหลให้ดีที่สุด โดยเฉพาะจุดที่มีขยะหรือสิ่งกีดขวางทางน้ำไหล เราต้องเร่งระดมใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ในการที่จะขจัดสิ่งกีดขวางเหล่านี้เพื่อให้น้ำไหลได้คล่องตัวที่สุด ต้องเร่งระบายน้ำลงเขื่อนภูมิพลให้เร็วที่สุด