'แอ็คมี่ วรวัฒน์'หนุนกระแสใช้บิตคอยน์ เป็นทุนสำรองฯ หลังราคาพุ่ง
"แอ็คมี่-วรวัฒน์" นักธุรกิจนักลงทุนหมื่นล้าน หนุนใช้ Bitcoin เป็นทุนสำรอง ประกาศ “ถ้าประเทศไทยต้องการ “Bitcoin” เพื่อเป็นกองทุนสำรองให้ติดต่อมาได้
จากกระแสของ Bitcoin ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลหลักของโลกที่สร้างสถิติราคาสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ (All Time High) ด้วยราคา 1 BTC = 99,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3,465,000 บาท นั้น เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก็ได้เกิดกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์และแวดวงการลงทุนอย่างคริปโทเคอร์เรนซี เมื่อนายวรวัฒน์ นาคแนวดี หรือ แอ็คมี่ เจ้าของฉายา Acme Traderist ออกมาประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก Acme Traderist - Worawat Narknawdee โดยระบุว่า
“ถ้าประเทศไทยต้องการ “Bitcoin” (BTC) เพื่อเป็นกองทุนสำรอง ติดต่อได้ที่ inbox นะครับ” พร้อมติดแฮชแท็ก #AcmeTraderist
ทำให้มีผู้คนจำนวนมากเข้าไปคอมเมนต์และแชร์โพสต์ดังกล่าว บ้างก็แชร์โพสต์และแท็กไปถึงเพจของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้เกิดการรับรู้ถึงโพสต์ดังกล่าวนี้ของนายวรวัฒน์ นอกจากนี้ ยังทำให้ผู้คนต่างพากันหาข้อมูลว่า นายวรวัฒน์คนนี้เป็นใครและมี Bitcoin จำนวนมากแค่ไหนถึงได้ออกมาโพสต์ในลักษณะดังกล่าว ซึ่งจากข้อมูลของนายวรวัฒน์ที่เผยแพร่อยู่ตามหน้าสื่อต่าง ๆ ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาพบว่า
ทั้งนี้ นายวรวัฒน์ เป็นกลุ่มคนกลุ่มแรกของไทยที่ศึกษาเรื่องราวด้านคริปโทเคอร์เรนซี - บล็อกเชน และเป็นผู้ลงทุนทำเหมืองขุด Bitcoin ด้วยตนเอง มาตั้งแต่ช่วง 3 ปีแรกของอายุ Bitcoin ซึ่งในขณะนั้น Bitcoin ยังไม่มีกฎหมายควบคุมและไม่เป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป โดยนายวรวัฒน์ได้เริ่มขุด Bitcoin ตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งขณะนั้นมีมูลค่าต่ำกว่า 5,000 บาท ต่อ 1 BTC
นายวรวัฒน์ นาคแนวดี เป็นนักธุรกิจนักลงทุนชื่อดังของไทย วัย 36 ปี ที่มีชื่อเสียงในวงการการเงินและเทคโนโลยี (Fintech) โดยเฉพาะด้านการเทรดและสินทรัพย์ดิจิทัล ปัจจุบันเป็นของซีอีโอบริษัท Fintech “บิทแนนซ์” (Bitnance) ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2021 ด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท
และยังเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม Traderist ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพมนุษย์ให้มีความรู้ความสามารถด้านการลงทุนและใช้ชีวิต เรียนรู้ที่จะประสบความสำเร็จเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการให้ความรู้ มาตลอดกว่า 12 ปี ทำให้เป็นนักเทรดและนักลงทุนที่มีชื่อเสียงในวงการการลงทุน และมีผู้ติดตามจากทั่วโลกมากกว่า 5,000,000 คน
โดยนายวรวัฒน์มีกำลังขุด Bitcoin ที่สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ต่อมาในปี 2014 เกิดการล่มสลายของ Mt.Gox ศูนย์ซื้อขายคริปโตอันดับหนึ่งของโลก จึงทำให้ราคา Bitcoin ตกลงอย่างต่อเนื่องจนถึงขีดสุด
นายวรวัฒน์จึงได้ยุติการขุด Bitcoin และขายเครื่องขุด Bitcoin ทั้งหมดรวมถึงทรัพย์สินต่าง ๆ ที่นายวรวัฒน์มี และรวบรวมเงินทุนทั้งหมดกว่า 30 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อ Bitcoin ที่ราคา 10,000 บาท ต่อ 1 BTC ทำให้มีจำนวนการถือครอง Bitcoin เพิ่มขึ้นอีกกว่า 3,000 BTC จึงทำให้ปัจจุบันนายวรวัฒน์เป็นบุคคลที่มี จำนวน Bitcoin ถือครองอยู่มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย
และต่อมานายวรวัฒน์ได้นำ Bitcoin บางส่วนไปต่อยอดด้วยการลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลก โดยการลงทุนครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยเน้นที่เมืองดูไบเป็นหลัก มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท (300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ระดับ Luxury ธุรกิจการบริการ บริการด้าน Fintech ในปี 2023 ที่ผ่านมา
นายวรวัฒน์ ยังเคยสร้างปรากฏการณ์แจก Bitcoin มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึงสองครั้ง ครั้งแรกในปี 2017 ผ่านกิจกรรมให้ความรู้เรื่องสกุลเงินดิจิทัลที่ Show DC โดยในงานได้ทำการแจก Bitcoin ให้แฟนเทรดจำนวน 1,690 คนที่เข้าร่วมงาน เป็นจำนวนกว่า 13 BTC ครั้งที่ 2 ในปี 2021 ก็จัดกิจกรรมแจก Bitcioin อีก 3 BTC ให้แฟนเทรดและแฟนคลับทั่วโลก จำนวน 5,601 คน กลางงานคอนเสิร์ตของวง DoubleDeep (ที่มีเพลงฮิตอย่าง “Bitcoin (ฝันใหม่) ซึ่งสร้างจากประสบการณ์ชีวิตจริงของนายวรวัฒน์) ทั้งนี้ จากการแจก Bitcoin ทั้งสองครั้งของนายวรวัฒน์เป็นจำนวนกว่า 16 BTC คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 55,440,000 บาท (มูลค่า Bitcoin ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2024 ข้อมูลจากเว็บไซต์ Investing)
นอกจากนี้ เมื่อปี 2021 นายวรวัฒน์ ยังได้ก่อตั้งสกุลเงินดิจิทัล หรือเหรียญคริปโตที่มีชื่อว่า ACT(ACET) ซึ่งมีผู้ถือครองเหรียญทั่วโลกกว่า 150,000 คนทั่วโลก ณ ปัจจุบัน โดยเหรียญ ACT(ACET) และมีมูลค่าการซื้อขายรวมถึงปัจจุบัน ประมาณ 381,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 13,175,000,000 บาท อีกด้วย
โดยในปี 2023 นายวรวัฒน์ ยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ “สาขาการเงิน” จากมหาวิทยาลัยนานาชาติยุโรป หรือ European International University, EIU-Paris ในฐานะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงิน การลงทุน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลด้านวงการเทคโนโลยีการเงินของโลก ที่ได้รับปริญญานี้
ปัจจุบันแม้จะไม่มีการเปิดเผยว่านายวรวัฒน์ ถือครอง Bitcoin เป็นจำนวนเท่าใด แต่แหล่งข่าวทั่วไปในวงการคริปโตคาดการณ์ว่านายวรวัฒน์น่าจะถือครอง Bitcoin ไม่น้อยกว่า 11,000 BTC เลยทีเดียว ซึ่งนั่นเท่ากับว่านายวรวัฒน์ถือครอง Bitcoin มากกว่ารัฐบาลของประเทศเอลซัลวาดอร์ทั้งประเทศถึง 2 เท่า ซึ่งประเทศเอลซัลวาดอร์ประกาศให้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายตั้งแต่ปี 2021