'ภูมิธรรม'ห่วงน้ำท่วมใต้ สั่ง เหล่าทัพระดมสรรพกำลัง ช่วยเหลือเร็วที่สุด
"ภูมิธรรม" ห่วงสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ สั่งการให้เหล่าทัพระดมสรรพกำลังยุทโธปกรณ์ เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
28 พ.ย. 67 พลตรีธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบเหตุอุทกภัย และมีความเสี่ยงดินโคลนถล่ม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้เหล่าทัพระดมเครื่องจักร เครื่องมือยุทโธปกรณ์ และกำลังพลเข้าช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย
ปัจจุบันมีพื้นที่ประสบภัย 7 จังหวัด คือ สุราษฎร์ธานี สงขลา สตูล นครศรีธรรมราช ปัตตานี นราธิวาส และยะลา มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 136,219 ครัวเรือน
เหล่าทัพได้มีการเตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือในระดับสูงสุด โดยบูรณการร่วมกับ ปภ.จังหวัด และส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน อาทิ สำนักงานพัฒนาภาค 4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ได้จัดกำลังพล พร้อมเครื่องสูบน้ำ และเรือยาง เรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์อุทกภัย
พร้อมกันนี้ กองทัพบก โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่4/ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน ภาค4 ได้จัดกำลังพล เข้าปฏิบัติหน้าที่แล้ว จำนวนกว่า 500 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ จำนวน 12 คัน, รถกะบะ จำนวน 6 คัน เรือท้องแบน 6 ลำ เสื้อชูชีพ 223 ตัว และอุปกรณ์ในการช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกรมการทหารช่าง ได้จัดเรือท้องแบนจำนวน 25 ลำ พร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าเสริมการช่วยเหลือ
โดยได้ดำเนินการเตรียมการป้องกันอุทกภัยและการช่วยเหลือ เร่งบรรจุและก่อกระสอบทรายทำแนวป้องกันน้ำ ช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ผู้ประสบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงการช่วยขนย้ายยานพาหนะออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง และขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง พร้อมกับแจกจ่ายอาหาร ข้าวกล่อง และน้ำดื่มให้กับครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในขั้นต้น ในขณะเดียวกันมีบางพื้นที่ที่น้ำเริ่มมีระดับลดลง เจ้าหน้าที่จะเข้าช่วยเหลือในการฟื้นฟูทำความสะอาดต่อไป
ทั้งนี้ รอง นรม./รมว.กห. มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้กำชับให้เหล่าทัพจัดกำลังพลชุดเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์น้ำ สำรวจเส้นทางสัญจร ตลอด 24 ชม. เนื่องจากในพื้นที่ยังคงมีพายุฝนตกหนักต่อเนื่อง และพื้นที่ลุ่มต่ำเสี่ยงต่อการเกิดอุทภัยท่วมขัง ทั้งนี้เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน และให้พร้อมในการสนับสนุนเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้อย่างทันที ลดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินที่อาจเกิดขึ้น