10 วันอันตราย วันแรกดับ 52 ราย เจ็บ 318 คน กทม.-โคราช เสียชีวิตมากสุด

10 วันอันตราย วันแรกดับ 52 ราย เจ็บ 318 คน กทม.-โคราช เสียชีวิตมากสุด

10 วันอันตราย วันแรกดับ 52 ราย เจ็บ 318 คน กทม.-โคราช เสียชีวิตมากสุด ศปถ.สั่งจังหวัดคุมเข้มถนนสายหลัก–สายรอง ป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยง อำนวยความสะดวกการเดินทาง

ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยพล.ต.อ.เพิ่มพูนกล่าวว่า สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ประจำวันที่ 27 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 

โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,753 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,001 คน ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนน โดยเกิดอุบัติเหตุ 322 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 318 คน ผู้เสียชีวิต 52 ราย

สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่

  • ขับรถเร็ว ร้อยละ 39.44
  • ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 20.50

ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่

  • รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.16

เส้นทางที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่

  • บนเส้นทางตรง ละ 9.01
  • ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 47.83
  • ถนน ใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 27.95

ช่วงอายุที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ 

  • ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50-59 ปี ร้อยละ 15. 86.96

ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่

  • เวลา 16.01-17.00 น. ร้อยละ 41

จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่

  • นครศรีธรรมราช (17 ครั้ง)

จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่

  • กรุงเทพมหานคร และ นครศรีธรรมราช (จังหวัดละ 4 ราย)

จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่

  • นครศรีธรรมราช (17 ครั้ง)
     

พล.ต.อ.เพิ่มพูนกล่าวต่อว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ประชาชนนิยมเดินทางเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการเดินทางในพื้นที่เพิ่มขึ้น จึงมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในช่วง “10 วันอันตราย” ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ช่วงเวลาตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม-5 มกราคม 2568 ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยในการเดินของประชาชนมากขึ้นเป็นพิเศษ 

โดยได้เน้นย้ำให้จังหวัดดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกการจราจรในการเดินทางอย่างต่อเนื่อง เฝ้าระวัง ตรวจตราผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างเข้มข้น ทั้งขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย รวมถึงดูแลความปลอดภัยของประชาชน อำนวยความสะดวก ตรวจสอบประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ยังตกค้างในสถานีขนส่งต่างๆ เพื่อให้สามารถเดินทางสู่จุดหมายอย่างปลอดภัย 

พร้อมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการการจราจรและการใช้สายทางต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดคับคั่ง โดยเฉพาะเส้นทางสายหลักที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้และอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ทำให้ไม่สามารถใช้ผิวทางจราจรได้เต็มศักยภาพ
 

รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดตั้งจุดตรวจและจุดบริการในบริเวณที่ปลอดภัย ไม่กีดขวางช่องทางจราจร เพื่อให้การเดินทางเกิดความคล่องตัว และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อเป็นการเสริมการให้บริการประชาชนในการเดินทาง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) โดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก จัดตั้งจุดบริการ “อาชีวะ-ขนส่ง อาสาช่วยประชาชน” จำนวน 150 จุด กระจายอยู่ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งถนนสายหลักและสายรอง 

ทั้งนี้จุดบริการที่ตั้งอยู่บนถนนสายหลักให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-00.00 น. และจุดบริการที่ตั้งอยู่บนถนนสายรองให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. เพื่อให้บริการประชาชนและอำนวยความสะดวกในการเดินทางสัญจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นในพื้นที่ให้เพิ่มความเข้มข้นมาตรการในเชิงพื้นที่ เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนทำอาจเกิดขึ้น

ด้านนายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง ฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เพื่อรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 กล่าวว่า ในวันนี้การเดินทางของประชาชนในการกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนบางส่วนเดินทางถึงจุดหมายแล้ว บางส่วนยังอยู่ระหว่างเดินทาง 

จาก สถิติอุบัติเหตุทางถนน พบว่าถนนกรมทางหลวง ถนนใน อบต. และหมู่บ้าน รวมถึงถนนที่เป็นเส้นทางตรงเป็นจุดที่เกิดอุบัติเหตุสูง ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จึงได้เน้นย้ำจังหวัดให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ทั้งถนนสายหลักและสายรอง

พร้อมเปิดช่องทางพิเศษ ปิดจุดกลับรถ ประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยง ทางลัด เพื่อให้การสัญจรเป็นไปด้วยความคล่องตัว รวมถึงเฝ้าระวังจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งทางแยก ทางร่วม และบริเวณที่มีการก่อสร้างถนน พร้อมดูแลเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาว เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ตลอดจนเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจความพร้อมของผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภท โดยฉพาะพฤติกรรมเสี่ยง ดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด กรณีผู้ขับขี่อายุต่ำกว่า 20 ปี ที่ดื่มแล้วขับ 

โดยได้มีการสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีให้ประชาสัมพันธ์ประชาชนในพื้นที่รับทราบผลของการกระทำผิดของผู้ที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และผู้สนับสนุนผู้ขับขี่อายุต่ำกว่า 20 ปี และหากในพื้นที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้ที่อายุไม่ถึงเกณฑ์ตามกฎหมาย ให้ขยายผลการสอบสวนดำเนินคดีไปจนถึงผู้จำหน่ายและผู้ปกครอง และหากมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจราจรให้ใช้บทลงโทษสูงสุดตามกฎหมาย เพื่อให้ผู้ขับขี่เกรงกลัวไม่กล้าฝ่าฝืนกฎหมาย