วิธีรับมือหลังแผ่นดินไหว เช็กรอยร้าวบ้าน-อาคาร แบบไหนอันตราย?

หลังเหตุแผ่นดินไหว พบตึกอาคารหลายแห่งได้รับความเสียหาย เกิดรอยร้าว หากใครพบอาคารเสียหาย รีบแจ้งระบบ Traffy Fondue ทันที พร้อมเช็กข้อมูลรอยร้าวแบบไหนอันตรายที่สุด
ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วสำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในช่วงต้นปี 2568 เชื่อว่าหลายคนที่อพยพหนีจากตึกสูงยังคงขวัญเสียกันอยู่ สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในวันนี้ (28 มี.ค. 68) เป็นแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ความลึก 10 กิโลเมตร มีศูนย์กลางเกิดขึ้นบริเวณใกล้เมืองมัณดาเลย์ ประเทศเมียนมา แรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวดังกล่าว ได้ส่งผลมาถึง "ประเทศไทย" ด้วย โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร (กทม.) หลายจุด
แต่อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานกรุงเทพมหานคร ชี้ว่า สถานการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวยังอาจสามารถก่อให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกได้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจพื้นที่ความเสียหาย และเฝ้าระวังในหลายพื้นที่ พร้อมทั้งเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนพร้อมการแก้ไขพื้นที่ที่อาจยังมีอันตรายและมีผลกระทบต่อประชาชน
หลังเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวได้ส่งผลกระทบให้ตึกอาคารที่อยู่อาศัยเสียหายตามมาด้วย มีอาคารหลายแห่งเกิดรอยร้าว รอยแตก ผนังผุร่อนออกมา หรือชำรุดทั้งภายนอกและภายในตัวอาคาร ซึ่งอาจเกิดอันตรายต่อเนื่องในช่วงนี้ได้ โดยเฉพาะหากเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกระลอก ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 15.35 น. ของวันนี้ มีการประกาศให้กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย โดยให้ผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้บัญชาการ สำหรับประชาชนพบอาคารเสียหาย มีรอยร้าว ส่งภาพแจ้งเข้ามาในระบบ Traffy Fondue หรือ โทร. 1555 ได้ทันที
อัปเดตล่าสุด!! (29 มี.ค. 2025 เวลา 16:02 น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กทม. ได้ปรับระบบ Traffy Fondue เพื่อตอบสนองความกังวลได้ครอบคลุมมากขึ้น หลังพบมีการแจ้งเหตุรอยร้าวอาคาร เข้ามาต่อเนื่อง 5,500 เคส หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ขณะเดี่ยวกันก็มีการระดมวิศวกรอาสา 100 ชีวิตลงพื้นที่เร่งด่วน
ด้าน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้สั่งการให้มีการตรวจอาคาร โดยเจ้าของอาคารที่สูงมากกว่า 8 ชั้น และเป็น 9 ประเภทที่ต้องมีการตรวจสอบประจําปีอยู่แล้ว ให้รีบไปตรวจสอบอีกครั้งหลังจากแผ่นดินไหวโดยเร็วที่สุด แล้วให้รายงานมาทุกวัน ซึ่งตรงนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระให้วิศวกรอาสา (อ่านเพิ่ม : กทม.ปรับระบบ Traffy Fondue หลังเจอรอยร้าวอาคาร 5,500 เคส )
ในขณะที่มีข้อมูลจาก เพจ The Sales-Partan : หมอกิม โดย "หมอกิม น.สพ.ธีรพงษ์" ที่ได้แชร์ความรู้เกี่ยวกับการสังเกตรอยแตกรอยร้าวของอาคารบ้านเรือน ที่อาจพบเห็นได้หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวไว้ด้วยว่า แบบไหนเป็นรอยร้าวที่ส่งสัญญาณบ่งบอกถึงความเสียหายและอันตรายที่ซ่อนอยู่บ้าง? ทั้งนี้ก็เพื่อให้ประชาชนสามารถประเมินเบื้องต้นก่อนเรียกผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบได้
เช็ก 4 รอยร้าว-รอยแตก แบบไหนอันตราย จากมากไปน้อย?
1. รอยแตกเส้นผม (Hairline Cracks) - อันตรายต่ำ
รอยแตกประเภทนี้เป็นเพียงรอยเล็กๆ ที่มีความกว้างไม่เกินแผ่นบัตรเครดิตหรือเส้นผม มักเกิดจากการหดตัวของวัสดุก่อสร้าง ยังไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้าง แต่ควรเฝ้าระวังและซ่อมแซมเมื่อมีโอกาส
2. รอยแตกแนวตั้ง (Vertical Cracks) - อันตรายต่ำถึงปานกลาง
รอยแตกแนวตั้งสามารถพบได้ตามกำแพง โดยมีลักษณะบางหรือหนา หากรอยแตกมีความกว้างเกิน 5 มิลลิเมตร ควรให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของแรงกดทับที่ผิดปกติภายในโครงสร้างอาคาร
3. รอยแตกแนวนอน (Horizontal Cracks) - อันตรายสูง
รอยแตกแนวนอนที่พาดผ่านจากซ้ายไปขวาถือเป็นรอยแตกร้ายแรง ต้องได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทันที เพราะอาจหมายถึงการเคลื่อนตัวของโครงสร้างหรือปัญหาฐานรากที่ส่งผลต่อความมั่นคงของอาคาร
4. รอยแตกเฉียง (Diagonal Cracks) - อันตรายที่สุด
รอยแตกชนิดนี้มักเกิดขึ้นในมุม 30 ถึง 70 องศา ซึ่งเป็นสัญญาณของโครงสร้างที่ได้รับแรงกระทำจากแผ่นดินไหวหรือการทรุดตัวของดิน ต้องได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน เนื่องจากอาจส่งผลให้โครงสร้างอาคารพังถล่มได้
นอกจากการประเมินดูรอยแตกร้าวของอาคารบ้านเรือนแล้ว ก็ควรเช็กระบบท่อแก๊ส ท่อน้ำประปา และไฟฟ้า ในบ้านด้วย หากพบการชำรุดก็ต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบแก้ไขทันทีเช่นกัน โดยสำหรับการตรวจสอบระบบท่อน้ำประปานั้น มีข้อมูลจาก การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) แนะนำประชาชนว่า หลังแผ่นดินไหวควรตรวจสอบระบบประปาภายในบ้านทันที เพื่อป้องกันความเสียหายและอาจกระทบกับค่าน้ำประปาที่สูงเกินจริง
โดยทาง กปภ. แนะนำให้ประชาชนตรวจสอบความเสียหายของระบบประปาภายในบ้านทันที โดยการปิดก๊อกน้ำภายในบ้านทุกจุด และปิดวาล์วหน้ามาตรวัดน้ำให้สนิท จากนั้นสังเกตมาตรวัดน้ำหากยังหมุนอยู่ให้สันนิษฐานว่าอาจมีท่อแตกรั่วหรือมาตรวัดน้ำชำรุด และควรรีบซ่อมแซมระบบประปาภายในบ้านให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ทันที เพื่อป้องกันการเสียค่าใช้จ่ายจากค่าน้ำที่สูงผิดปกติและลดการสูญเสียน้ำไปโดยเปล่าประโยชน์
ในกรณีที่เผชิญเหตุแผ่นดินไหวและจำเป็นต้องย้ายออกจากที่พักอาศัยชั่วคราวควรปิดประตูน้ำที่มาตรวัดน้ำทันที เพื่อป้องกันนำเอ่อท่วมภายในบ้านหากมีท่อน้ำชำรุด ทั้งนี้ หากต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ได้รับความสะดวกในการใช้บริการน้ำประปาสามารถติดต่อ กปภ. สาขาใกล้บ้าน หรือโทร. PWA Contact Center 1662 ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนวิธีรับมือหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวตามหลักสากลนั้น มีข้อมูลจาก Southern California Earthquake Center ระบุไว้ว่า ต้องตรสจสอบทั้งอาการบาดเจ็บของตนเอง เพื่อนและคนรอบข้าง สัตว์เลี้ยง รวมถึงตัวอาคารที่อยู่อาศัยและระบบต่างๆ ภายในบ้านเรือน ดังนี้
1. ตรวจสอบอาการบาดเจ็บ
• ตรวจสอบชุดปฐมพยาบาลที่มีในบ้าน หาข้อมูลเกี่ยวกับคำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปฐมพยาบาลเบื้องต้น หรือโทรศัพท์หาเจ้าที่ผู้เชี่ยวชาญแล้วทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด
• หากบาดเจ็บและมีเลือดออก ให้กดบริเวณแผลโดยตรง ให้ใช้ผ้าก๊อซหรือผ้าสะอาด หากพบมีผู้ป่วยไม่หายใจ ให้ทำการช่วยหายใจด้วยการปั๊มหัวใจและช่วยหายใจ (CPR)
• ห้ามเคลื่อนย้ายผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เว้นแต่จะตกอยู่ในอันตรายที่จะได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมทันที
• คลุมผู้บาดเจ็บด้วยผ้าห่มหรือเสื้อผ้าเพิ่มเติมเพื่อให้พวกเขาอบอุ่น
• รับความช่วยเหลือทางการแพทย์สำหรับการบาดเจ็บสาหัส
• ตรวจสอบเด็กหรือบุคคลอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษอย่างระมัดระวัง
2. ตรวจสอบความเสียหายอาคารบ้านเรือน
• ตรวจสอบภายในและภายนอกบ้านว่ามีจุดไหนที่ประกายไฟหรือไม่? (อาจมีสายไฟขาดและไฟช็อต) หากพบว่ามี ให้ปิดระบบไฟทั้งหมดในบ้านทันที แล้วโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ต้องรอให้หน่วยดับเพลิงมาช่วย
• ป้องกันการรั่วไหลของก๊าซหุงต้ม โดยรีบปิดวาล์วก๊าซหลักทันที อย่าเปิดวาล์วอีกครั้งด้วยตัวเอง ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบการรั่วไหลก่อน
• หากพบสายไฟชำรุดปิดสวิตช์เบรกเกอร์หลัก หากสายไฟในบ้านได้รับความเสียหาย ให้ปิดไฟจนกว่าจะซ่อมแซมความเสียหายได้แล้วเสร็จ อีกทั้งหากพบหลอดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด ควรถอดปลั๊กออก เนื่องจากอาจก่อให้เกิดไฟไหม้ได้เมื่อไฟฟ้ากลับมาใช้ได้อีกครั้ง
• อาจพบสิ่งของร่วงหล่นจากชั้นวาง ให้ระวังสิ่งของที่หล่นจากชั้นวางเมื่อคุณเปิดตู้เสื้อผ้าหรือประตูตู้เก็บของ
• หากพบของเหลวหรือน้ำยาต่างๆ หกเลอะเทอะ เช่น น้ำยาฟอกขาว โซดาไฟ สารเคมีในสวน น้ำมันเบนซิน หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ ควรแยกไว้หรือคลุมด้วยวัสดุดูดซับ เช่น ดินหรือทรายแมว หากไม่แน่ใจ ให้ออกจากบ้าน
• อย่าเข้าใกล้ปล่องไฟ ผนังที่ทำด้วยอิฐหรือบล็อก และกระจก เพราะโครงสร้างเหล่านี้อาจอ่อนแอลงและพังทลายลงมาได้เมื่อเกิดอาฟเตอร์ช็อก