เริ่มต้นฤดูกาลผลิต ดัน 9 จว.ตะวันออก เรียนรู้เทคโนโลยี การตลาด

เริ่มต้นฤดูกาลผลิต ดัน 9 จว.ตะวันออก เรียนรู้เทคโนโลยี การตลาด

เริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ 68 กรมส่งเสริมการเกษตร ผนึก 9 จังหวัดภาคตะวันออก แหล่งผลิตผลไม้ จัดกิจกรรมให้เกษตรกร เรียนรู้เทคโนโลยี เพิ่มช่องทางการตลาด หนุนผลิตถ่านไบโอชา

กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดปราจีนบุรี จัดกิจกรรมวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ภาคตะวันออก ประจำปี 2568 ณ ศูนย์เรียนรู้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนมะม่วงนอกฤดู บ้านมาบเหียง ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวหลังเป็นประธานเปิดงานว่า งาน Field day เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ที่เหมาะสมของเกษตรกร โดยการจัดงานครั้งนี้ ได้ผนึกเกษตรกร 9 จังหวัด ภาคตะวันออก ร่วมเรียนรู้กระบวนการผลิตมะม่วงนอกฤดู และบริหารจัดการสวนทุเรียนยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ 

เปิดโอกาสให้เกษตรกรได้เข้ามาเรียนรู้ เทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มช่องทางการตลาด ตลอดจนการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่

อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเกษตรกรต่างพื้นที นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ซึ่งเป็นตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เริ่มต้นฤดูกาลผลิต ดัน 9 จว.ตะวันออก เรียนรู้เทคโนโลยี การตลาด

ปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก มีพัฒนาการของโรคและแมลงศัตรูพืชชนิดต่างๆ รวมถึงสถานการณ์ความผันผวนด้านการตลาดที่เกี่ยวข้องกับมาตรการต่าง ๆ ของประเทศคู่ค้า ทั้งเรื่องมาตรฐาน คุณภาพ และคู่แข่งจากต่างประเทศ ที่เพิ่มมากขึ้น  

ดังนั้น การทำการเกษตรในวันนี้และอนาคตจึงจำเป็นต้องนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมการเกษตรใหม่ๆ  ที่เหมาะสมกับพื้นที่มาส่งเสริมให้เกษตรกรนำไปปรับใช้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ต้องมีการปรับตัว และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ต้องมีองค์ความรู้ และปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติงานให้ทันต่อสถานการณ์  

“งานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่จะตอบโจทย์ตามเป้าหมายเพื่อการพัฒนาด้านการเกษตรอย่างก้าวตามทันต่อสถานการณ์   สำหรับภาคตะวันออก เป็นเมืองแห่งไม้ผล ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง มังคุด เงาะ ลองกอง ที่สำคัญคือ ทุเรียน ซึ่งเป็นราชาผลไม้ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สำคัญ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและประเทศเป็นอย่างมาก รวมถึงพืช และกิจกรรมการเกษตรที่สำคัญอื่น ๆ อีกหลายชนิดสินค้า ทั้งด้านประมง และปศุสัตว์ ซึ่งในวันนี้ได้นำมะม่วง และทุเรียน มาเป็นประเด็นเรียนรู้หลักเพื่อการขยายผลสู่การผลิตที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามที่ตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศต้องการ การจัดงานในครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายเป็นอย่างดี” 

เริ่มต้นฤดูกาลผลิต ดัน 9 จว.ตะวันออก เรียนรู้เทคโนโลยี การตลาด

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ยังกล่าวถึง การผลิตถ่านไบโอชาของเกษตรกรด้วยว่า เป็นเทรนด์ของโลกเวลานี้ และเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงเกษตรฯในการรณรงค์ให้เกษตรกรลดการเผาเพื่อลดมลพิษทางอากาศ และพีเอ็ม2.5 (PM2.5) ซึ่งการจัดการแบบเดิมเกษตรกรจะนำเศษวัสดุ กิ่งไม้ต่าง ๆ หลังการเก็บเกี่ยวมาเผา ทำให้ก๊าซพิษ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือพีเอ็ม 2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง  

“กลุ่มนี้เขาจะเผา แต่จะนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร กิ่งไม้ ใบไม้ต่าง ๆ เอาไปทำถ่านเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพสูง หรือที่เรียกว่าถ่านไบโอชา โดยการอัดแท่งผ่านกระบวนการเผาด้วยความร้อนสูง  ส่วนถ่านเล็กๆ ก็จะนำมาใช้เป็นวัสดุปลูก รองก้นหลุม เพราะถ่านไบโอชาเหล่านี้ จะเก็บความชื้นได้ดี เมื่อนำมารองก้นหลุม ก็จะทำให้เก็บความชื้น ลดปัญหาช่วงหน้าแล้งได้ ที่สำคัญก้อนถ่านไบโอชามีรูพรุนเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อต้นไม้ด้วย ขณะนี้เราได้รณรงค์ส่งเสริมเกษตรกรในทุกชนิดพืช ให้หันมาทำถ่านไบโอชาแทนการเผา เพื่อช่วยลดฝุ่งละอองขนาดเล็ก และยังได้เพิ่มมูลค่าเศษวัสดุเหลือใช้ด้วย” นายรพีทัศน์ กล่าว   

เริ่มต้นฤดูกาลผลิต ดัน 9 จว.ตะวันออก เรียนรู้เทคโนโลยี การตลาด

เริ่มต้นฤดูกาลผลิต ดัน 9 จว.ตะวันออก เรียนรู้เทคโนโลยี การตลาด

ด้านนายสงคราม ธรรมะ เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2568 และประธานศูนย์เรียนรู้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนมะม่วงนอกฤดู บ้านมาบเหียง กล่าวว่า การส่งเสริมเกษตรกรสมาชิกผลิตถ่านไบโอชา หลังการเก็บเกี่ยว เพื่อทดแทนการเผานอกจากจะช่วยลดมลพิษทางอากาศ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือพีเอ็ม 2.5 และลดต้นทุนการผลิตแล้ว ยังสามารถสร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรอีกด้วย

เนื่องจากการผลิตถ่านไบโอชาวัตถุดิบไม่ใช่มีแค่เศษวัสดุเหลือใช้ เศษกิ่งไม้มะม่วงในสวนเท่านั้น แต่ยังสามารถนำกิ่งไผ่ กิ่งไม้ยูคา ที่หาได้ง่ายในพื้นที่ แม้กระทั่งร้านบวบ ร้านแตง ของเกษตรกร จากเดิมต้องรื้อทิ้ง ก็สามารถเอามาเผา ทำถ่านไบโอชาได้ด้วย  

ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมะม่วงนอกฤดู มีสมาชิกจำนวนทั้งสิ้น 31 ราย มีพื้นที่ปลูกมะม่วง 1,630 ไร่  สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนตำบลมาบเหียง ได้เป็นอย่างดี 

เริ่มต้นฤดูกาลผลิต ดัน 9 จว.ตะวันออก เรียนรู้เทคโนโลยี การตลาด

สำหรับศูนย์เรียนรู้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนมะม่วงนอกฤดู บ้านมาบเหียง ปัจจุบันมีกิจกรรมหลัก ได้แก่ 1.กระบวนการผลิตมะม่วงนอกฤดู 2.การบริหารจัดการสวนทุเรียนยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และมีสถานีย่อยรวม 8 แห่ง ที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงนอกฤดู และทุเรียน ตลอดจนประชาชนที่สนใจได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้