'ซัวเรซ'ถูกฟีฟ่าแบน4เดือนซ้ำสปอนเซอร์จ่อถอน!

'ซัวเรซ'เจอหนัก!ถูกฟีฟ่าแบน 4 เดือนทุกรายการ ปรับ111,000ดอลลาร์ แถมสปอนเซอร์จ่อถอนเพียบ
ความคืบหน้าของกรณีที่ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย สร้างเรื่องอื้อฉาวระหว่างการลงเตะศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ด้วยการไปกัดที่ไหล่ของ จอร์โจ คิเอลลินี ปราการหลังทีมชาติอิตาลี ในการลงเล่นรอบแรก นัดสุดท้ายของสาย ดี เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลก
โดยฟีฟ่าได้ออกมายืนยันว่าจะสอบสวนเรื่องดังกล่าว โดยจะให้หลักฐานทุกอย่างที่มีประกอบการพิจารณานั้น ล่าสุดมีรายงานระบุว่า คณะกรรมการพิจารณามารยาทของฟีฟ่า ได้เปิดการหารือในเรื่องนี้แล้วตลอดคืนวันพุธที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ที่โรงแรมโคบาคาบานา พาเลซ นครริโอ เดอ จาเนโร โดยมีบทลงโทษสั่งแบนซัวเรซ 9 นัดในเกมระดับนานาชาติ พร้อมสั่งห้ามแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรทุกรายการที่ฟีฟ่ารับรองเป็นเวลา 4 เดือน พร้อมสั่งห้ามเข้าสนามฟุตบอลไปจนถึงเดือนตุลาคม และสั่งปรับเงิน 111,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.5 ล้านบาท) ซึ่งผลการลงโทษครั้งนี้ทำให้ซัวเรซ ไม่สามารถลงแข่งขันฟุตบอลโลกในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่จะฟาดแข้งกับโคลอมเบียในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อทีมชาติอุรุกวัย ยังจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ต้นสังกัดในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ที่ผลการพิจารณาลงโทษของฟีฟ่ายังไม่ออกมา สื่อต่างประเทศคาดการณ์ว่า จากหลักฐานที่ปรากฏ โดยเฉพาะภาพวิดีโอที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ซัวเรซ เจตนากัดที่ไหล่ของคิเอลลินี จริง น่าจะทำให้ซัวเรซ ถูกลงโทษแบนอย่างน้อย 3 นัด ซึ่งจะทำให้เขาจะกลับคืนสนามในฟุตบอลโลกหนนี้อีกครั้งก็ต่อเมื่อทีมชาติอุรุกวัยผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ หรือชิงที่ 3 หรืออาจแบนอย่างน้อย 4 นัด ซึ่งจะทำให้หมดสิทธิ์ลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ไปเลย และก็มีความเป็นไปได้สูงอีกเช่นกันที่จะถูกแบนระยะยาว เนื่องจากพฤติกรรมที่แสดงออกมานั้น ไม่ใช่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก หากเป็นครั้งที่ 3 ที่ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2010 เคยไปกัด อ็อตแมน บาคเกล ผู้เล่นพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน สมัยที่ยังเล่นอยู่กับอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม จนถูกสมาคมฟุตบอลฮอลแลนด์ แบน 7 นัด และล่าสุดเมื่อปี 2013 ที่ลงสนามให้ลิเวอร์พูล ไปกัดแขน บรานิสลาส อิวาโนวิช กองหลังเชลซี จนถูกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แบน 10 นัด มาแล้ว
ด้าน อเลยานโดร บัลบี ทนายความส่วนตัวของซัวเรซ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแรงกดดันที่มาจากอังกฤษและอิตาลี ที่พยายามถาโถมเข้าใส่ซัวเรซ เพราะเคยมีเรื่องเกิดขึ้นทำนองนี้มาแล้วในเมืองผู้ดี ประกอบกับการที่อิตาลีต้องตกรอบแรกนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่า สปอนเซอร์ส่วนตัวของซัวเรซ อาทิ อาดิดาส เตรียมที่จะทบทวนสัญญาการสนับสนุนจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว