ยื้อ'เคเอฟซี'เปิด3สาขาใต้ต่อ

ยื้อ'เคเอฟซี'เปิด3สาขาใต้ต่อ

ศอ.บต.-หอการค้ายื้อ"เคเอฟซี" เปิด3สาขาใต้ต่อ-กระทบเชื่อมั่น

"ศอ.บต.-หอการค้า"ทำหนังสือถามข้อเท็จจริงปิด "เคเอฟซี" 3 สาขาจังหวัดชายแดนใต้ หวั่นกระทบความเชื่อมั่นการลงทุน พร้อมให้กำลังใจผู้บริหาร หวังให้ดำเนินธุรกิจในพื้นที่ต่อ ขณะที่คนร้ายยิงเจ้าของร้านขายของชำเสียชีวิตที่บันนังสตา "ตชด.-ทหาร"ยึดใบกระท่อมข้ามชายแดนมาเลย์-ไทย

หลังมีกระแสข่าวร้าน "เคเอฟซี" จะปิด 3 สาขา ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอ้างคำพูดของผู้บริหารเกิดจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ส่งผลกระทบกับการประกอบการค้าและเกรงว่าพนักงานในพื้นที่จะไม่ได้รับความปลอดภัยนั้น

แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) เปิดเผยว่า หลัง ศอ.บต.ทราบข่าวว่าทางเคเอฟซี จะถอนการลงทุนธุรกิจร้านเคเอฟซีนั้น ศอ.บต.จึงประสานไปยังหอการค้าจังหวัดยะลา ทำหนังสือสอบถามไปยังผู้บริหารของเคเอฟซี พร้อมให้กำลังใจในการดำเนินธุรกิจต่อไป ทั้งนี้ ศอ.บต.และหอการค้าจังหวัดยะลา แสดงความกังวลถึงการที่ภาคธุรกิจจะถอนการลงทุนในพื้นที่เช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนกับภาคธุรกิจอื่นๆ ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ร้านเคเอฟซี สาขาโคลีเซี่ยม จ.ยะลา เมื่อเวลา 11.30 น.วานนี้(6 ก.ค.) พบว่ายังคงมีประชาชนเดินทางมารับประทานอาหารในร้าน แต่ไม่คึกคัก เนื่องจากอยู่ในช่วงถือศีลอดของพี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ โดยพนักงานทุกคนในร้านต่างปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล เนื่องจากเป็นกฎของทางบริษัท

ขณะที่กระแสข่าวในโลกออนไลน์ระบุว่า ร้านเคเอฟซี สาขาแห่งนี้ ได้รับหนังสือจากบริษัทสำนักงานใหญ่ ให้ปิดกิจการในวันที่ 15 ก.ค.2557 พร้อมกัน ทุกสาขาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

พนักงานร้านรายหนึ่ง กล่าวว่า เคเอฟซี สาขาโคลีเซี่ยมยะลา เปิดมานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2547 โดยเป็นสาขาที่มียอดจำหน่ายสูง ติดอันดับท็อปเท็น ของร้านเคเอฟซีทั่วประเทศ โดยเคเอฟซีสาขาแห่งนี้ มีประพนักงานประจำร้าน รวมถึงร้านพิซซ่าฮัท สาขายะลา รวมประมาณ 50 คน และตามเงื่อนไขทางบริษัทแม่ ยินยอมชดเชยค่าเสียหาย ให้กับพนักงานประจำร้าน ตามระเบียบแรงงาน หากพนักงานไม่ยินยอมย้ายไปทำงานสาขาอื่น ตามที่บริษัทกำหนดให้เลือกไปทำงาน

ทั้งนี้ เคเอฟซี ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มี 3 สาขา ประกอบด้วยสาขา ห้างโคลีเซียม อ.เมือง จ.ยะลา, ห้างบิ๊กซี จ.ปัตตานี 1 สาขา และห้างไดอาน่า จ.ปัตตานี 1 สาขา

ยิงเจ้าของร้านของชำดับที่บันนังสตา

ส่วนสถานการณ์การก่อเหตุราย เมื่อเวลา 09.00 น. ร.ต.ท.สุริยา เกื้อดำ พนักงานสอบสวน สภ.บันนังสตา จ.ยะลา พร้อมด้วยตำรวจจากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 จ.ยะลา เดินทางเข้าตรวจสอบที่บ้านพักแห่งหนึ่งใน ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา เพื่อเก็บหลักฐาน หลังได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนางจิราพร วัฒนะสืบธรรม อายุ 50 ปี ในที่บ้านพักหลังดังกล่าวจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.33 น. ของวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา

การสอบสวนทราบว่า ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักของนางจิราพรและสามี ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ร้านดังกล่าวได้ปิดแล้ว และทั้งคู่อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่นางจิราพรและสามี กำลังพักผ่อนหลังเสร็จสิ้นภารกิจประจำวัน คาดว่าคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์มาที่หน้าบ้านพัก พร้อมตะโกนเรียก ทำทีจะมาซื้อสินค้า และเมื่อนางจิราพร กำลังเปิดประตู คนร้ายได้ชักอาวุธปืน ยิงใส่กระสุนปืนโดนที่ศีรษะเสียชีวิตทันที ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่า เป็นฝีมือของคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่

จับมาเลย์ลักลอบนำเข้าใบกระท่อม

ขณะที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 445(ร้อย ตชด.445) รับทราบข้อมูลจากหน่วยงานข่าวว่า จะมีการลักลอบนำยาเสพติดจากประเทศมาเลเซียลักลอบเข้าประเทศไทย พ.ต.ต.สุเทพ ชูแก้ว ผบ.ร้อย ตชด.445 จึงสั่งการให้ ร.ต.ต.โกศล ปิ่นเพชร หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.445 ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกสืบหาจากเบาะแสเพิ่มเติม จนสามารถจับกุมนายมูดีอาร์ดี ลิคบาลาค อายุ 32 ปี ชาวมาเลเซีย ได้ที่บริเวณหน้าบ้านพักในซอยบ้านจัดสรรใหม่ บ.กุนุงจนอง อ.เบตง จ.ยะลา พร้อมยึดใบกระท่อมสดจำนวน 10 ถุง น้ำหนักรวม 37.5 กิโลกรัม และรถเก๋ง ห้อโตโยต้า รุ่นเอสอี สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน PBN 5550

นายมูดีอาร์ดี ลิคบาลาค รับสารภาพว่า ได้นำเข้าใบกระท่อมสดจากประเทศมาเลเซียมานานแล้ว โดยเข้ามาในช่วงเวลาด่านใกล้ปิด อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30-40 กิโลกรัม สำหรับใบกระท่อมที่ตรวจยึดนั้น รับซื้อมากิโลกรัมละ 200 บาท จาก บ้านกริ๊ก รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย เตรียมส่งให้ลูกค้าที่ บ้าน กม.29 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ในราคากิโลกรัมละ 550 บาท เพื่อนำมาทำเป็นยาเสพติดประเภท 4x100 ตำรวจจึงแจ้งข้อหานำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (ใบพืชกระท่อมสด) มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (ใบพืชกระท่อมสด) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นเจ้าของหรือผู้ควบคุมยานพาหนะเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ยื่นรายการตามแบบที่กำหนด พร้อมนำตัวและของกลางส่ง สภ.เบตง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป