พบบันไดศิลาแลง426ขั้นอายุ500ปี

พบบันไดศิลาแลง426ขั้น ที่เขาขี้โทน อุตรดิตถ์ หลังถูกปิดตายมานานกว่า500 ปี พร้อมพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง จากนายระเมียน จันทร์ดำ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาอิน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ว่าพบบันไดศิลาแลงที่เขาขี้โทน หมู่ 4 บ้านฟากบึง ต.นาอิน โดยพร้อมกับชาวบ้านกว่า 30 คน ได้จัดเตรียมอุปกรณ์และน้ำดื่ม แผ้วถาง เตรียมปรับภูมิทัศน์เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ และได้ประสานเจ้าหน้าที่จากสำนักศิลปากรที่ 6 จ.สุโขทัย เข้าสำรวจพร้อมระบุว่ามีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 ระหว่างปี พ.ศ.1901-2100 หรือกว่า 500 ปีที่ผ่านมา
เมื่อไปถึงจุดดังกล่าวอยู่ห่างจากอบต.นาอินประมาณ 3 กิโลเมตร รถยนต์สามารถเข้าถึงบริเวณตีนเขาขี้โทน เนื่องจาก อบต.ได้พัฒนาเป็นอย่างดี นายระเมียน จันทร์ดำ นายก อบต.นาอิน พร้อมชาวบ้าน ต่างใช้จอบ เสียบ มีด พัฒนาทางขึ้นเขาที่ค่อยข้างสูงชัน ซึ่งเป็นบันไดศิลาแลง ยังคงมีหญ้าและเฟิร์นปกคลุม บันไดแต่ละขั้นมีทั้งสมบูรณ์และทรุดโทรม สองข้างทางขึ้นเป็นป่าเบญจพรรณโดยเฉพาะมีต้นปลง ขึ้นสองข้างบันไดศิลาแลงดังกล่าว บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะเดินขึ้นบันได จะมีลานหินกว้าง ลักษณะคล้ายเป็นลานพักระหว่างทางที่เหน็ดเหนื่อย ชาวบ้านต่างนั่งพัก และเดินขึ้นเขาต่อเมื่อหายเหนื่อย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ขึ้นถึงยอดเขามีซากเจดีย์เก่าแก่ จำนวน 1องค์ ซึ่งเหลือเพียงแต่ฐานหน้ากระดาน 1 ชั้น รองรับเขียงแปดเหลี่ยมด้านบน องค์ระฆังและส่วนยอดพังทลายไปหมด เหลือความสูงประมาณ 1 เมตร พร้อมซากอาคารวิหารเก่าแก่อีกจำนวน 1 หลัง เหลือเพียงส่วนฐานของวิหารและอิฐที่ใช้ในการปูพื้น พร้อมร่องรอยเสาอาคารบางจุด สำหรับใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาของพระสงฆ์สมัยก่อน มีเนื้อที่ดินโดยรอบประมาณ 2 ไร่เศษ บนเขาสามารถมองเห็นภาพทิวทัศน์หมู่บ้านที่อยู่ข้างล่างอย่างสวยงาม เมื่อชาวบ้านขึ้นไปถึงยอดเขาต่างตั้งจิตอธิฐานและลั่นฆ้องเสียงดังกึ่งก้อง เพื่อความเป็นสิริมงคลและจุดธูปเทียนบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามประเพณีความเชื่อ
นายระเมียน กล่าวว่า ช่วงที่ อบต.นาอินจัดสรรงบประมาณทำถนนเชื่อหมู่บ้าน พบก่อไผ่ขนาดใหญ่ปิดทางขึ้นเขาไว้ จึงทำเครื่องจักรขุด พบว่ามีบันไดศิลาแลง ขึ้นเขาขี้โทน เมื่อพาคณะเดินขึ้นและนับได้ทั้งหมด 426 ขั้น พบยอดเขามีซากเจดีย์ เศษอิฐกระจัดกระจายเกลื่อนอยู่ทั่วบริเวณ ในลักษณะขุดคุ้ย ขุดค้นหรือลักลอบขุดทำลายเป็นบริเวณกว้าง และขุดมาอย่างต่อเนื่องจึงได้แจ้งไปยังสำนักโบราญคดี สำนักศิลปากรที่ 6 จ.สุโขทัย เข้ามาตรวจสอบ
โดยน.ส.รัตติยา ไชยวงศ์ นักโบราณคดี สำนักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 6 จ.สุโขทัยได้นำคณะเข้าสำรวจ ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าว เป็นแหล่งโบราณสถาน ประเภทศาสนาสถานเกี่ยวกับพุทธศาสนา เนื่องจากมีตรวจพบซากเจดีย์และซากอาคารวิหารอยู่บนยอดเขา ซึ่งเป็นเขตพุทธาวาสและใช้เป็นเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา รวมถึงพื้นศิลาแลงปูเรียงเป็นขั้นบันไดตั้งแต่ตีนเขาไปจนถึงบนเขาทั้งหมดอยู่ในยุคเดียวกัน เชื่อว่าแต่เดิมน่าจะมีพระสงฆ์อาศัยอยู่ และบริเวณจุดนี้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเส้นทางภายในชุมชนเขตอำเภอพิชัยด้วย
ทั้งนี้ ได้ขุดพบโบราณวัตถุในพื้นที่โบราณสถาน ซึ่งเป็นเศษสิ่งของเครื่องใช้ภาชนะดินเผาเนื้อแกร่งทั้งแบบเคลือบและไม่เคลือบ ประเภท ไหและกระปุก แหล่งผลิตมาจากเตาแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี และจากแหล่งเตาศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ซึ่งมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 ระหว่างปี พ.ศ.1901-2100
นอกจากนี้ ยังพบเศษจารึกหินทราย อักษรไทยสุโขทัย ภาษาไทย ที่คาดว่าแตกหักจากแท่งหินทรายส่วนหนึ่ง ที่ช่างสมัยโบราณได้มีการสลักจารึกอักษรเอาไว้ เบื้องต้นสรุปได้ว่า โบราณสถานเขาบันไดม้าเป็นโบราณสถานที่อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 หรือในสมัยสุโขทัยมาแล้ว สำหรับจารึกที่ได้มานั้นถูกส่งไปเก็บรักษาเอาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตาม อบต.นาอิน จะพัฒนาจุดดังกล่าวกล่าวให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะการเดินขึ้นเขา นักท่องเที่ยวต้องเตรียมความพร้อมของร่างกาย เมื่อถึงยอดเขาจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของอำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์