รวบเจ้าสำนัก'กุมารทอง'ตุ๋นญาติปลัดอุตฯ17ล.

รวบเจ้าสำนัก'กุมารทอง'ตุ๋นญาติปลัดอุตฯ17ล.

รวบเจ้าสำนัก "เจ้าหล้ากุมารทอง" ตุ๋นไฮโซ ญาติปลัดกระทรวงอุตฯ สูญเงิน 17 ล้าน

หลอกขายพลอยพระพุทธเจ้าฯ-หยกพญาอินทรี แต่เรื่องแดงเมื่อนำไปพิสูจน์ พบมีมูค่าชิ้นละไม่เกิน 100 บาท

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่อาคารสืบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ เชื้อสมบูรณ์ รองผบช.ภ.5 ร่วมกับ พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.5 ได้แถลงข่าวจับกุมนางระเวียง บุญทิพย์ อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/11 หมู่ 3 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในข้อหาฉ้อโกง

พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากได้มีนางฉฏา สีบุญเรือง อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 หมู่ 4 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กรรมการผู้จัดการโรงแรมมนต์มณีและเป็นญาติกับนางอรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และว่าที่ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ว่าเมื่อเดือนกรกฏาคม 2547 ได้รู้จักกับนางระเวียง ซึ่งเปิดสำนักทรง "เจ้าหล้ากุมารทอง" ที่บ้านเลขที่ 9/11 หมู่ 3 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้เดินทางไปดูดวง ตามความเชื่อ และนางระเวียง ก็ทำพิธีดูดวง พิธีกรรมสะเดาะห์เคราะห์ ให้หลายครั้งเพื่อให้ชีวิตประสบความสำเร็จทุกด้าน

โดยหลังจากที่นางฉฏา ได้ทำพิธีกรรมจากนางระเวียง เพียงไม่นาน นางฉฏา ก็สามารถขายที่ดินบริเวณพื้นที่ สีลม กรุงเทพฯ ของตนได้เงินกว่า 150 ล้านบาท ทำให้เกิดศรัทธาเชื่อว่า ได้รับอานิสงส์จากการทำบุญและสะเดาะเคราะห์กับร่างทรงนางระเวียง จึงได้แวะเวียนมาทำพิธีกรรมและบริจาคเงินให้นางระเวียงอย่างสม่ำเสมอ เป็นเวลาหลายปี

หลังจากนั้นนางระเวียง ก็พยายามพูดจาชักชวนว่ามีพลอยแท้จากประเทศพม่า รวมถึงหยกล้ำค่า ของพระพุทธเจ้า ของศักดิ์สิทธิ์ที่หลายคนหมายปอง นางฉฏา จึงหลงเชื่อทำการซื้อหยกรูปนก และพลอยบรรจุในตลับ จำนวนหลายตลับ ที่ใช้ชื่อว่าพลอยศักดิ์สิทธิ์พระพุทธเจ้าและหยกพญาอินทรีเหินหาว เพราะเชื่อว่าเป็นของพระพุทธเจ้าจำนวนรวมกว่า 17 ล้านบาท โดยซื้อหลายครั้งและนำมาเก็บบูชาไว้ที่บ้าน

รองผบช.ภ.5 กล่าวว่า จนกระทั่งเมื่อปีต้นปี 2557 นางฉฏาได้นำพลอยและหยกที่เก็บสะสมมา ไปให้สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ตรวจสอบก็พบว่าทุกอย่างปลอมหมด ราคาไม่ถึง 100 บาท นางฉฏา จึงมั่นใจว่าถูกหลอกลวง จึงได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ ซึ่งต่อมาก็มีคนหลายกลุ่ม พยายามมาขอเจรจายุติคดีหลายครั้ง แต่นางฉฏา ก็ไม่ยอม ต้องการเงินคืนทั้งหมดและยื่นฟ้องศาลเอง กระทั่งศาลออกหมายจับนางระเวียง แต่หลังจากนั้นนางระเวียงก็หลบหนีหายไปจนกระทั่งเช้าวันนี้ (30 ก.ย.) นางระเวียงได้เดินทางกลับมาที่สำนักทรงเจ้าดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงนำหมายจับบุกเข้าทำการจับกุมตัว

จากการสอบปากคำ นางระเวียง ผู้ต้องหา ให้การอ้างว่าเรื่องนี้เป็นความเชื่อของบุคคล เขามาขอซื้อพลอยศักดิ์สิทธิ์กับหยกศักดิ์สิทธิ์จากตนเอง และบางส่วนก็เป็นเงินทำบุญ ค่าประกอบพิธีต่างๆให้ โดยไม่ได้หลอกลวงใคร แต่เขาให้เพราะความชื่นชอบส่วนตัว และจากแรงศรัทธาเท่านั้น ส่วนพลอยและหยก ได้ไปแล้วจะนำไปบูชาแบบใด และจะส่งผลอภินิหารต่อเจ้าของอย่างไรนั้น ตนไม่สามารถบอกได้ แล้วแต่วาสนาและผลบุญของผู้ที่บูชา

อย่างไรก็ตาม หลังการสอบสวนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนางระเวียง ผู้ต้องหา ควบคุมตัวส่งไปที่ สน.ลุมพินี กรุงเทพฯ ตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ 347/2557 ลงวันที่ 19 กันยายน 2557 เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป