รวบลูกดาราดัง หลอกซื้อรถหนีไฟแนนซ์ ขายประเทศเพื่อนบ้าน

กองปราบรวบหนุ่มลูกดาราดัง หลอกซื้อรถหนีไฟแนนซ์ ขายประเทศเพื่อนบ้าน
พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล สว.กก.3 บก.ป.พร้อมคณะ แถลงจับกุม นายจิตรบูรณ์ หรืออลงกรณ์ หรือโน้ต พิเชียรภาคย์ อายุ 31ปี บุตรชายของดาราอาวุโสชื่อดัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 203/2551 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ จับกุมได้ที่ลานจอดรถ หอพักกลางเมืองแมนชั่น เลขที่ 205/25 ถนนกลางเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ฉ้อโกงรถยนต์จากผู้เสียหายโดยติดต่อซื้อรถที่อยู่ระหว่างผ่อนดาวน์ หรือขาดการชำระค่างวดกับสถาบันการเงิน หรือไฟแนนซ์ ที่เรียกกันในวงการซื้อขายรถยนต์ ว่า “รถหนีไฟ” โดยทำทีติดต่อกับผู้เสียหายที่ประกาศขายรถตามเว็ปไซต์ต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ต หรือที่มีการประกาศขายด้วยวิธีการต่างๆ จากนั้นก็จะเลือกประเภทรถ ยี่ห้อและสีที่เป็นที่นิยมในตลาดประเทศเพื่อนบ้าน แล้วมีการออกเช็ค ทำสัญญากับผู้เสียหาย หรือจ่ายเงินดาวน์บางส่วนไปก่อน เมื่อได้รถมาก็จะส่งให้นายทุนนำไปขายต่อหรือนำไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหารายนี้นับว่าเป็นต้นแบบ หรือโมเดลในการหาตัวแทนหรือนอมินี ไปคอยติดต่อรับซื้อรถยนต์จากผู้เสียหาย แล้วนำไปปล่อยขาย โดยมีการว่าจ้างตัวแทนดังกล่าวกว่า 30 คน ให้ค่าตอบแทนรายละ 50,000 บาท โดยส่วนใหญ่จะเลือกซื้อรถที่เป็นที่นิยมในตลาด เช่น รถกระบะ ก่อเหตุในพื้นที่ภาคอีสาน มีตลาดส่งออกขายในต่างประเทศ หรือหากเป็นรถยนต์ ก็มีแหล่งนำส่งขายทั้งใน กทม.และพื้นที่ภาคใต้ ก่อนหน้านี้เคยถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว แต่กลับเป็นการเพิ่มเติมความรู้ในการกระทำความผิดเพื่อก่อเหตุซ้ำ ที่ผ่านมาผู้ต้องหาได้ก่อเหตุกับผู้เสียหายมาแล้วนับร้อยราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยขณะนี้พบว่าผู้ต้องหามีหมายจับติดตัวทั้งหมด 17 หมาย ในหลายพื้นที่ทางภาคอีสาน และภาคเหนือ
สอบสวนนายจิตรบูรณ์ ให้การรับสารภาพว่า นับตั้งแต่ปี 2550 ได้เปิดเต็นท์รถมือสอง จึงเกิดแนวความคิดที่จะรับซื้อรถที่ติดปัญหาการผ่อนชำระค่างวดกับไฟแนนซ์ หรือที่มีการประกาศขายทางอินเทอร์เน็ต ก่อนนำไปขายต่อ โดยยืนยันว่าคิดและทำเพียงคนเดียวไม่มีใครที่ร่วมกระทำผิดด้วย และไม่เคยรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้กระทำความผิด ซึ่งตนอยากจะขออโหสิกรรมจากทางผู้เสียหายทุกรายก่อนหน้านี้จะเห็นได้ว่าเหตุทั้งหมดเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2551 ซึ่งตนได้รับโทษจำคุกเป็นเวลาเกือบ 4 ปีเต็ม เพิ่งพ้นโทษมาเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2555 ตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดในช่วงที่ตนต้องรับโทษจึงไม่มีการดำเนินการเอาผิดในคดีที่เหลือทั้งหมดเพื่อรับโทษต่อเนื่องไปเลย
"หลังจากต้องโทษชีวิตผมก็เปลี่ยนไปมาก ชีวิตส่วนตัวคนที่เคยรู้จัก รวมถึงคนรักก็รู้ว่าผมมีประวัติเคยติดคุก ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตก็เหมือนพังทลายไปหมด จึงอยากฝากไปยังผู้ที่ยังกระทำความผิดหรือคิดจะกระทำผิดเช่นเดียวกับผมว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีที่จะทำสิ่งผิด และไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเรื่องรถเท่านั้น แต่เป็นทุกเรื่องที่ผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็จะต้องรับผลกรรมเหมือนกับผม" นายจิตรบูรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี รับไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป