'หลวงพ่อประสิทธิ์'ละสังขารแล้ว สิริอายุ75ปี

'หลวงพ่อประสิทธิ์'ละสังขารแล้ว สิริอายุ75ปี

"หลวงพ่อประสิทธิ์" เจ้าอาวาสวัดป่าหมู่ใหม่ ละสังขารแล้ว สิริอายุ 75 ปี คณะศิษยานุศิษย์ นำสรีระสังขารหลวงพ่อมาอยู่ที่วัดถ้ำสหายฯ

วันนี้ (31 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.23 น. หลวงพ่อหลวงปู่ประสิทธิ์ ปุญญมากโร เจ้าอาวาสวัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ได้ละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานแล้ว สิริอายุ 75 ปี 4 เดือน 26 วัน 55 พรรษา (พรรษานี้เป็นพรรษาที่ 56) ซึ่งหลวงพ่อได้เข้ามารับการรักษาอาการอาพาธเป็นระยะหนึ่งที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น และขณะนี้คณะศิษยานุศิษย์ ได้นำร่างหลวงพ่อมาอยู่ที่วัดถ้ำสหายธรรมจันทร์นิมิต อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี แล้ว ท่านเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาและเป็นพระที่ชาวเชียงใหม่ให้ความเคารพนับถืออย่างมาก โดยเฉพาะสายวัดป่า 

หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร เกิดที่บ้านหนองบัวบาน ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2484 บิดาชื่อ พ่อสนธิ์ มารดาชื่อแม่มุก นามสกุล สิมมะลี มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 7 คน เป็นชาย และหญิง 4 คน

ชีวิตในวัยเด็ก หลวงพ่อประสิทธิ์ เท่ากับเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว เมื่อมีอายุ 7 ปี ได้เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาล บ้านหนองบัวบาน ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ สอบไล่ได้ตำแหน่งที่ 1 หรือ ที่ 2 เป็นประจำทุกปี ตลอดจนจบชั้นประถมปีที่ 4 พอจบชั้นประถมแล้ว ครูใหญ่ชื่อ “ปรีชา” ให้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมพิทยานุกุล ในตัวจังหวัดอุดรธานี หลวงพ่อได้ถามบิดาว่า “จะเรียนดีหรือไม่เรียนดี” และเมื่อบิดาบอกว่ “ทำไร่ทำนาดีกว่า สบายใจดี” หลวงพ่อฯ จึงตัดสินใจช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา

หลวงพ่อประสิทธิ์ เมื่อเยาว์วัย จึงเป็นแรงสำคัญช่วยงานบิดา มารดา อย่างเต็มความสามารถ ตั้งแต่ยังเรียนหนังสือชั้นประถม จนเช้าสู่วัยหนุ่มอายุ 19 ปี จึงเกิดความคิดอยากเข้าวัด เนื่องจากวัดป่านิโครธาราม ของหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ อยู่ใกล้บ้าน ท่านได้ทบทวนชีวิตฆราวาส ผ่านมาได้ช่วยบิดามารดามา จนเป็นที่พอใจแล้ว ฐานะทางครอบครัวก็พอดีๆ ไม่รวยและไม่จน และพี่น้องต่างก็โต พอจะช่วยงานของครอบครัว พ่อแม่ได้แล้ว หลวงพ่อท่านคิดว่า ได้เกิดมาใช้หนี้บุญคุณพ่อแม่พอที่ได้อาศัย ท่านมาเกิดในชาตินี้แล้ว จึงคิดมองหา เส้นทางจิต ที่คิด ไม่อยากกลับมาเกิดเป็นหนี้ภพชาติอีกต่อไป โดยเกิดศรัทธาปัญญาในทางพระพุทธศาสนา คิดจะบวชไม่มีกำหนดตลอดชีวิต หวังอยู่ปฏิบัติ ตนเพื่อหลุดพ้น ความเกิดจนถึงอมตะพระนิพพาน

ต่อมาครอบครัว ได้พาหลวงพ่อเข้าไปฝากตัวกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2503 เวลา 19.00 น. และได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2503 ณ วัดโพธสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ ครั้นเมื่ออายุครบ 20 ปี พ.ศ.2504 จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ในวันที่ 1 มิถุนายน โดยมีพระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุดรคณานุศาสน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลวงพ่อประสิทธิ์ ได้บวชและอยู่ศึกษาอบรมธรรมะกับหลวงปู่อ่ออน ญาณสิริ วัดนิโครธาราม ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ภายหลังหลวงปู่อ่อน มรณภาพลง ท่านได้ไปปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

จากนั้นได้เดินธุดงค์ขึ้นสู่ภาคเหนือ มาอยู่ปฏิบัติธรรมร่วมกับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโร วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ แล้วเดินธุดงค์ แสวงหาความวิเวก จนกระทั่งมาพบสถานที่ป่าสงบเงียบ หลังที่ทำการชลประทานแม่แตง จึงได้ขออนุญาตจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ และยกฐานะเป็นวัดตามลำดับ

วัดป่าหมู่ใหม่ เป็นวัดป่าสายธรรมยุตที่สงบเงียบ หลวงพ่อประสิทธิ์ ได้อนุรักษ์สภาพพื้นที่ป่าเดิม พร้อมกับปลูกป่าเสริมเพิ่มต้นไม้ตลอดเวลา ทำให้วัดมีต้นไม้ใหญ่สมบูรณ์ร่มรื่น

การที่วัดป่าหมู่ใหม่มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง แต่ละกฏิไม่มีการสะสมสิ่งของ ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆ เป็นวัดปฏิบัติธรรม จึงเป็นวัดป่าศักดิ์สิทธิ์ และมีเสน่ห์สำหรับผู้เข้าไปสัมผัส ทั้งนี้เพื่อ มรรค ผล นิพพาน อย่างแท้จริงนั่นเอง

"กรรมใหญ่ของหลวงพ่อมันมาถึงแล้ว กรรมหมู่ใหญ่ครั้งนี้มันระดมต่อแถว พากันมาทวงคืนกับเราทั้งหมด ชาติสุดท้ายแล้วอะไรๆ มันก็พากันมาทวงคืนเอาทั้งหมด มันเป็นกรรมในอดีตชาติของเราทั้งหมด กรรมที่เราเคยเบียดเบียนมนุษย์ กรรมที่เราเคยเบียดเบียนสัตว์ กรรมที่เราเคยเบียดเบียน ทุบตีวัวนี้มันจะเข้ามาสนองก่อนเพื่อน กรรมนี้จะเป็นตัวเปิดประตู ให้กรรมอื่นๆ ในอดีตตามมา.." หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร

(ที่มา : ท่องถิ่นธรรม พระกรรมฐาน , ศูนย์เผยแผ่ธรรมะออนไลน์กัณฑกะ)