ปส.แถลงรวบแก๊งค้ายา 2 คดี ยึดยาบ้า1.7ล้านเม็ด-ไอซ์5กก.

ปส.โชว์ผลงานรวบแก๊งค้ายา 2 คดี ยึดยาบ้า 1.7 ล้านเม็ด-ไอซ์ 5 กก. ค่า 600 ล้านบาท
ที่ลานด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่จำนวน 2 คดีผู้ต้องหาจำนวน 10 คนพร้อมของกลางยาบ้ารวมประมาณ 1,752,079 เม็ด ไอซ์ 5.963 กิโลกรัม รถยนต์เก๋ง 3 คัน รถยนต์กระบะ 4 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน อาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. ยี่ห้อซีแซด จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 5 นัด โทรศัพท์มือถือ 15 เครื่อง
คดีแรก พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 พร้อมพ.ต.อ.วีระชน บุณทวี ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.ณัทณพงศ์ หลิ่มวิรัตน์ ผกก.1 บก.ปส.3 พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผกก.2 บก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ทหาร ศรภ. ร่วมกันจับกุมตัวน.ส.เรืองอุไร บุญทอง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/12 หมู่ 4 ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม นายพิมาย ชมพูนิช อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 146 หมู่ 7 ต.พระประโทน อ.เมืองนครปฐม นายมนพ พลนุ้ย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 1 ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง และน.ส.ทองใบ แซ่ลิ้ม อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 1 ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุงพร้อมของกลางยาเสพติดประเภท 1 ( ยาบ้า ) จำนวน 125 มัด ประมาณ 250,000 เม็ด รถยนต์เก๋ง และรถยนต์กระบะรวม 3 คัน โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดการสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดตามหมายจับค้างเก่านั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่าน.ส.เรืองอุไร บุญทอง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ จ 67/2557 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ข้อหาคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในพื้นที่จ.นครปฐม และมีพฤติการณ์เป็นกลุ่มลำเลียงยาเสพติด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามพฤติการณ์มาโดยตลอดจนกระทั้งเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ( 25 ส.ค.) น.ส.เรืองอุไร ได้ขับรถยนต์เก๋งโตโยต้า อัลติส สีดำ หมายเลขทะเบียน ฏธ 1114 กรุงเทพมหานคร ขับออกมาจากโรงแรมไม่มีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยมีนายพิมาย ชมพูนิช ขับรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน กพ 3025 นครปฐม ลักษณะคอยสังเกตการณ์ขับนำหน้ามุ่งหน้ามาตามถนนเพชรเกษม(ขาล่องใต้) ทิศทาง จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดแล้ว เมื่อรถทั้งสองขับมาถึงด่านตรวจยาเสพติด ท่าแซะ จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของตรวจค้นเก๋งโตโยต้า อัลติส พบยาบ้าจำนวน 125 มัด ประมาณ 250,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในรถเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้สอบสวน ระหว่างที่กำลังสอบสวนได้มีนายมนพ และน.ส.ทองใบ ติดต่อมาขอรับยาบ้าจำนวน 33 มัด ประมาณ 66,000 เม็ด โดยมีการนัดหมายรับยาบ้ากันบริเวณลาดจอดพักรถ ริมถนนสายสุราษฏร์ธานี-อ.ทุ่งสง ฝั่งตรงข้ามแขวงการทางนครศรีธรรมราชที่ 2 ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์จนสามารถจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนน.ส.เรืองอุไร ให้การรับสารภาพว่าตนรับยาบ้ามาจากอ.ชะอำ เพื่อจำนำลงไปจำหน่ายต่อในพื้นที่ภาคใต้ อีกทั้งยังให้การว่ายังจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดกำลังจะเดินทางมารับยาบ้าล็อตใหญ่จากอ.ชะอำ ลงไปจำหน่ายยังภาคใต้อีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงเร่งหาข่าวเพื่อติดตามจับกุมต่อ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งขอหา ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ( เมทแอมเฟตามีน ) ไว้ในครองครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่สอง พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 พร้อม พ.ต.อ.วีระชน บุณทวี ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.ณัทณพงศ์ หลิ่มวิรัตน์ ผกก.1 บก.ปส.3 พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผกก.2 บก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ทหาร ศรภ. ร่วมกันจับกุมตัวนางบุณิกา สีสดใส อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 177/54 หมู่ 9 ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา นายบุญส่ง เกตแก้ว อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 ซอย14 ถนนราษฎร์อุทิศ 1 ต.บ่อยาง จ.สงขลา นายธีรยุทธ แก้วเกตุ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 352/17 หมู่ 5 ต.พะวง อ.เมืองสงขลา นายเทพพิทักษ์ รักษาผล อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 5 ต.ตะเครียะ อ.ระโนด จ.สงขลา นายภาคิไนย สุชลพานิช อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ถนนริมทางรถไฟ ต.บ่อยาง อ.เมืองสงขลา และนายพัสพิชัย เพ็ชรขวัญ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/15 ถนนริมทางรถไฟนอก ต.บ่อยาง อ.เมืองสงขลา พร้อมของกลางยาเสพติดประเภท 1 ( ยาบ้า ) จำนวน 750 มัด ประมาณ 1,500,000 เม็ด ยาเสพติดประเภท 1 ( ไอซ์ ) จำนวน 5.963 กิโลกรัม อาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. ยี่ห้อซีแซด จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 5 นัด โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง รถยนต์เก๋ง และรถยนต์กระบะรวม 4 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน
พล.ต.ต.พรชัย เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการขยายผลการจับกุมในคดีแรก พบว่ากลุ่มลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวจะมีการมารับยาบ้าที่โรงแรมเบดเบอรี่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงได้นำกำลังเข้าซุ่มสังเกตการณ์ จนกระทั้งเวลาประมาณ 21.00น. พบนางบุณิกา และนายบุญส่ง สองสามีภรรยา ช่วยกันยกถุงพลาสติกสีดำขึ้นรถรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บต 1050 สงขลา หลังจากนั้นทั้ง 2 คนได้ขับมาตามเส้นทางถนนเพชรเกษม (ล่องใต้) มีนางบุณิกา เป็นคนขับ ระหว่างทางได้มีรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน กม842 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายธีรยุทธ ขับนำรถกระบะเจ้าหน้าที่เชื่อว่าพฤติกาณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นการลำเลียงยาเสพติด จึงออกติดตามจนมาถึงด่านตรวจยาเสพติดชุมพร จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบยาบ้าและยาไอซ์ของกลางอยู่ในรถกระบะ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้สอบสวน
“ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังทำการสอบสวนขยายผลอยู่นั้นได้มีนายเทพพิทักษ์ นายภาคิไนย และนายพัสพิชัย ติดต่อเข้ามาหานางบุณิกา เพื่อขอรับยาบ้าจำนวน 30 มัด ประมาณ 60,000 เม็ดโดยมีการนัดหมายกันที่โรงแรมเลควิว เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังไว้ก่อนพบผู้ต้องหามารับยาบ้าตามที่นัดหมายเจ้าหน้าที่จึงทำการเข้าจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจค้นตัวนายเทพพิทักษ์ พบอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนและไอซ์ จำนวน 936 กรัม เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมดมาสอบสวนต่อที่บช.ปส.3”พล.ต.ต.พรชัย กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ( ยาบ้า,ไอซ์ )ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต กับ นางบุณิกา และนายบุญส่ง ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ( ยาบ้า )ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตกับนายธีรยุทธ นายภาคิไนย และนายพัสพิชัย ส่วนนายเทพพิทักษ์ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ( ยาบ้า,ไอซ์ )ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ หมู่บ้าน ชุมชนโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.3 ดำเนิคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านพล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นรายใหญ่อีกราย ซึ่งจะเห็นไว้ว่ามีการรับยาเสพติดจากอำเภอชะอำ ก่อนลำเลียงลงภาคใต้ จากการสอบสวนตำรวจทราบว่าทั้ง 2 คดีมีความเชื่อมโยงกันโดยยาทั้งหมดมาจากเครือข่ายยาเสพติดของกลุ่มว้าใต้ ก่อนจะลำเลียงโดยกลุ่มนี้ซึ่งอยู่ในเครือข่าย บังหรือบ่าว สงขลา โดยในเครือข่ายนี้จะให้ผู้หญิงเป็นผู้ขับรถขนยาเสพติดเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจของทางเจ้าหน้าที่ อีกทั้งในส่วนของคดีที่ 2 มีการทำเป็นครอบครัว สามีภรรยา และลูก หลังจากนี้จะใช้มาตรการยึดทรัพย์เพื่อตัดการสนับสนุนเครือข่าย โดยจากการตรวจสอบทั้ง 2 คดีนี้มีทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดรวมกว่า 3 ร้อยล้านบาท อย่างไรก็ตามหากยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้หลุดไปยังภาคใต้จะมีมูลค่าไม่น้องกว่า 600 ล้านบาท