หนุ่มซิ่งเก๋งแหกด่าน พุ่งชนดาบตำรวจดับ

หนุ่มวัย 22 ปี ซิ่งโตโยต้ายาริสแหกด่านตรวจ พุ่งชนดาบตำรวจดับ เผยคนขับไม่ยอมให้แพทย์ตรวจเลือด-วัดปริมาณแอลกอฮอล์
เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 8 ก.ย. ร.ต.ท.หญิง ศุภรัตติยา อุ้ยหา รอง สว.(สอบสวน) สน.ดอนเมือง รับแจ้งเหตุรถยนต์พุ่งชนด่านตรวจส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณริมถนนพหลโยธิน ฝั่งขาออก แขวงและเขตสายไหม กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.อ.ทินกร ณัฎฐมั่งคั่ง รอง ผบก.จร. พ.ต.อ.ปราศัย จิตตสนธิ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.สุปัฏน์ จรจันทึก ผกก.1 (สายตรวจ) บก.จร. พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผกก.สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.รังสรรค์ สอนสิงห์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ดอนเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ดอนเมือง แพทย์นิติเวชรพ.ภูมิพล และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ฝั่งขาออก กม.25 ตรงข้ามซอยพหลโยธิน56 เลยแยกคปอ. ประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นถนน 4 เลน บริเวณช่องที่ 1 และ 2 ฝั่งซ้ายสุด พบรถยนต์กระบะตำรวจจราจร ยี่ห้อนิสสัน สีส้ม ทะเบียนตราโล่ 44704 สภาพด้านท้ายฝั่งซ้ายถูกเชี่ยวชน ห่างออกไปพบรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นนิวส์ยาริส สีขาว ทะเบียน กร 3990 อุดรธานี สภาพพังยับเยินทั้งคัน ด้านหน้าห้องเครื่องฝั่งขวาพบคราบเลือดขนาดใหญ่ และล้อหน้าฝั่งซ้ายหักงอ บริเวณใต้ท้องรถพบศพ ด.ต.อนุสรณ์ มะโนเล็ก ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 1 กอง 1 บก.จร. สภาพนอนหงายจมกองเลือด ศรีษะมีรอยฉีกขาดเป็นแผลฉกรรจ์จนสมองไหล ตามร่างกายหักผิดรูปทั่วร่าง ใกล้กันพบรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ฎข 1173 กรุงเทพมหานคร สภาพถูกชนท้ายพังยับจนกระจกสัมภาระด้านหลังแตกร้าวทั้งบาน โดยมีคราบเลือดและเศษสมองติดอยู่บริเวณกันชนด้านท้าย นอกจากนี้ยังมีรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็ม-สแลซ สีน้ำเงิน-ขาว ทะเบียน 5 กฉ 5455 กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหายพังทั้งคันจนล้อหลังขาดตกอยู่บริเวณร่องป่ากกข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนนายจตุรงค์ เหล็กไหล อายุ 25ปี กล่าวว่า โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็ม-สแลซ สีน้ำเงิน-ขาว ทะเบียน 5 กฉ 5455 กรุงเทพมหานคร เพื่อกลับบ้านพักตามปกติ จนกระทั่งเมื่อขี่มาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุพบว่าทางเจ้าหน้าที่กำลังตั้งด่านจุดตรวจสกัดเพื่อกวดขันวินัยจราจร ก่อนตนจะถูกทางเจ้าหน้าที่ทราบชื่อต่อมาคือด.ต.อนุสรณ์ เรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย
จากนั้นเมื่อ ด.ต.อนุสรณ์ ตรวจค้นเสร็จสิ้น และไม่พบว่าตนมีสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด พร้อมกับได้ปล่อยตนไปตามปกติ ขณะที่ตนกำลังจะขึ้นคล่อมรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเพื่อกลับบ้านพัก พบว่ามีรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้ายาริส ขับมาด้วยความเร็ว และพุ่งชนท้ายรถตนจนกระเด็นตกร่องข้างทาง โดยรถยังได้ชน ด.ต.อนุสรณ์ เข้าอย่างจัง ก่อนลากร่างติดเข้าไปใต้ท้องรถ
จากนั้นรถคันก่อเหตุยังไปเฉี่ยวชนท้ายรถยนต์กระบะของตำรวจจราจรกลาง ก่อนไปชนท้ายรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ เข้าอย่างจังก่อนหยุดแน่นิ่งจนสภาพรถยนต์คันก่อเหตุพังเสียหายทั้งคัน โดยมีคนขับร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ซึ่งอยู่ในอาการได้รับบาดเจ็บสาหัสทราบชื่อต่อมาคือนายฐานปกิจ สุปินะ อายุ 22 ปี เจ้าหน้าที่จึงเร่งช่วยกันนำตัวส่ง รพ.ภูมิพล เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน
ด้านนางเพลินจันทร์ หอมสุด อายุ 40 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ช่วงเวลาก่อนที่สามีจะไปปฎิบัติหน้าที่ มีฝนตกลงมา โดยตนได้บอกกับสามีว่า ให้ฝนหยุดก่อนแล้วค่อยออกจากบ้านไปทำงาน สามีจึงนั่งเล่นกับลูกสาววัย 2 ขวบ จนกระทั่งฝนหยุดตก สามีจึงรีบออกไปปฎิบัติหน้าที่ตามปกติ กระทั่งมาทราบข่าวว่า สามีถูกรถชนเสียชีวิต จึงรีบเดินทางมาที่เกิดเหตุ
พ.ต.อ.ทินกร เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางผู้ได้รับบาดเจ็บไม่เซ็นยินยอมให้ทางแพทย์ตรวจเลือด และวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งหลังจากนี้ถ้ายังหากผ่าฝืน ทางเจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมตาม พรบ.จราจร ฉบับใหม่ มาตรา 142 ในข้อหาเมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายในทันที
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทรัพย์สินสูญหาย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป