รอยสตั๊ด : 'ตราพระมหามงกุฎ เกียรติการรักชาติ'

รอยสตั๊ด  :  'ตราพระมหามงกุฎ เกียรติการรักชาติ'

ความภาคภูมิใจอีกเรื่องหนึ่ง ของวงการลูกหนังไทย คือสยามเป็นชาติแรก

ของทวีปเอเชียที่สมัครเป็นสมาชิกของ FIFA เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2468 เป็นลำดับที่ 37 ของโลก โดยพระบรมราชานุญาตในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ภายหลังจากการก่อตั้งทีมชาติไทย 10 ปี

ในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 นั้น ถูกขนานนามว่าเป็น “ยุคทองของฟุตบอลเมืองสยาม” เนื่องจากทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ตราพระมหามงกุฎ” ประดิษฐานอยู่เหนือลูกฟุตบอล เพื่อนำไปติดไว้บนหน้าหมวกสีแดงสลับสีขาว ขลิบเส้นด้วยดิ้นสีทอง และมีภู่บนยอดหมวก พร้อมทั้งมีตัวอักษรและเลขไทยเพื่อแสดงวัน เดือน และพุทธศักราช ใต้ตราพระมหามงกุฎ อันเป็นเกียรติประวัติการลงแข่งขันระหว่างชาติ ในสมัยนั้น

หนังสือพิมพ์ กรุงเทพ ฯ เดลิเมล์ ฉบับวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2458 ได้ลงข่าวคำกล่าวของ พระยาประสิทธิ์ศุภการ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ ณ อยุธยา) หรือต่อมาคือ “เจ้าพระยารามราฆพ” สภานายกฟุตบอลคนแรกของสยามประเทศ ดังนี้

“...หมวก เครื่องหมายความสามารถฟุตบอล ที่ท่านจะได้รับไปในเวลาอีกสักครู่หนึ่งนี้ ก็ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ใช้ตราพระมหามงกุฎ ซึ่งควรรู้สึกว่าเป็นเกียรติยศการรักชาติ ย่อมจะแสดงได้หลายสถาน แต่การที่ท่านตั้งใจเข้าเล่นแข่งขัน ให้ถึงซึ่งไชยชนะให้แก่ชาติในคราวนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งแห่งการรักชาติ...”

อนึ่ง นักฟุตบอลทีมชาติสยามที่ได้รับพระราชทาน “หมวกตราพระมหามงกุฎ” ดังกล่าว คือ นายอิน สถิตยวณิช, นายต๋อ ศุกระศร, นายภูหิน สถาวรวณิช, นายกิมฮวด (วัฒน์) วณิชยจินดา, นายตาด เสตะกสิกร, นายแถม ประภาสะวัต, นายศรีนวล มโนหรทัต, นายชอบ หังสสูต, นายโชติ ยูปานนท์, นายจรูญ รัตโนดม, หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร, นายบุญชู ศีตะจิตต์, นายสวาสดิ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา, นายอู๋ พรรธนะแพทย์, นายเพิ่ม เมษประสาท, นายบุญสม รัชตะวรรณ และนายผัน ทัพภะเวส

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2458 ณ สามัคยาจารย์สมาคม ซึ่งถือเป็นการก่อตั้ง “ทีมชาติไทย” เป็นปฐม และนับถึงวันนี้ทีมชาติของเราจึงมีอายุ 101 ปี รากเหง้าที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกหลานนักเลงฟุตบอลแห่งสยามประเทศ ได้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ “ทีมชาติไทย” ให้เล่าขานสืบไป.