พยานคดีครูจอมทรัพย์ โผล่ยันคนขับรถชนเป็นผู้ชาย สาบานพูดจริง
"ทองเรศ" พยานคดีครูจอมทรัพย์ โผล่ยันให้การศาล ชี้คนขับรถชนเป็นผู้ชาย ลั่นสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดความจริงไม่มีใครจ้าง
เมื่อเวลา 09.00น. วันที่19ม.ค. 60 ที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่2 ต.นาคู่ อ.นาแก จ.นครพนม ของนางทองเรศ วงศ์ศรีชา วัย 51 ปี อาชีพทำนา เป็นเพื่อนบ้านนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ61ปี ซึ่งเป็น1ใน2พยาน ที่เห็นเหตุการณ์รถชนนายเหลือ พ่อบำรุง ผู้ตาย ที่ไปเป็นพยานให้การในชั้นศาลคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ56ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ที่ถูกกล่าวหาว่าขับรถชนคนตาย เหตุเกิดเมื่อปี2548 ในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม
จากการสอบถามนางทองเรศ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ นางทัศนีย์ชักชวนให้ไปร่วมงานบุญแจกข้าวที่ ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร จึงนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าดรีมสีขาว ทะเบียน ฉ 2744 นครพนม กระทั่งได้เวลาจะกลับบ้านที่บ้านนาคู่ ต.นาคู่ ระหว่างที่นางทัศนีย์ขับรถขึ้นถนนทางหลวงหมายเลข2031 สายธาตุน้อย-นาเหนือ ช่วงบ้านสร้างเม็ก ต.ท่าลาด ได้ยินเสียงเร่งเครื่องรถยนต์มาด้วยความเร็วสูง
จากนั้นรถคันดังกล่าวขับแซงรถจักรยานยนต์ที่ซ้อนท้ายไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานเห็นรถคันดังกล่าวพุ่งชนจักรยานนายเหลือ พ่อบำรุง ผู้ตาย ทำให้ร่างปลิวกระเด็นตกพื้น จากนั้นเห็นคนขับรถ แต่ไม่ทราบว่าเป็นรถกระบะหรือรถเก๋ง เพราะนั่งซ้อนท้ายอยู่ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ30เมตร มีแสงไฟรถจักรยานยนต์ของนางทัศนีย์ส่องถึง เปิดประตูรถฝั่งคนขับเดินลงมา คนขับมีลักษณะท้วม สวมรองเท้าหนัง เสื้อแขนยาวสีดำ เดินลงมาดูนายเหลือ คนถูกรถชนแล้ว จากนั้นเดินขึ้นรถเร่งเครื่องขับหลบหนีไป
“เหตุการณ์ผ่านไป ต่อมานางทัศนีย์มาเล่าให้ฟังว่า หลังที่เราทั้งคู่พบเห็นเหตุในวันนั้น ยืนยันและคุยกันกับนางทัศนีย์ว่าคนขับเป็นผู้ชาย มารู้ภายหลังว่าคนที่ต้องโทษจำคุกกลับกลายเป็นผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้สนใจ กระทั่งมีหมายศาลเรียกให้ไปเป็นพยานชั้นศาล ขณะที่ครูที่ถูกกล่าวว่าขับรถชนคนตายทราบภายหลังว่าติดคุกในเรือนจำแล้ว โดยขึ้นศาลเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว พร้อมกับนางทัศนีย์ ครั้งนั้นพบเห็นนายสับ วาปี ซึ่งทราบว่าเป็นผู้ออกมารับสารภาพว่าเป็นผู้ขับรถชนตัวจริง เดินผ่านกัน แต่ไม่ได้คุยกันเพราะอยู่กันคนละห้อง และศาลได้เรียกเข้าห้องพิจารณาทีละคน ซึ่งก็พบด้วยว่านายสับมีรูปร่างลักษณะท้วม เมื่อให้การเป็นพยานบนชั้นศาล ศาลได้ถามว่าคนขับรถคันก่อเหตุเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย จึงตอบศาลไปว่าลักษณะคนขับรถชนเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ซึ่งศาลถามสั้นๆแค่นี้” นางทองเรศ กล่าว
โดยระหว่างผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ นางทองเรศได้พนมมือไหว้ พร้อมกล่าวสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระธาตุพนมว่า ทุกถอยคำที่พูดให้การในศาลนั้น ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดมาเสนอหรือให้สินจ้าง เพื่อให้พูดช่วยเหลือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น พูดตามที่พบเห็นเหตุการณ์มาทั้งหมด