ครอบครัว “น้องป.ปลา” เน็ตไอดอลร้องกองปราบ

ครอบครัว “น้องป.ปลา” เน็ตไอดอลร้องกองปราบ

รื้อคดีลูกสาวถูกยิงตาย ไม่เชื่อฆ่าตัวตายหรือสามีฆ่า ระบุมีพิรุธ 14 ข้อ คาดเป็นบุคคลที่ 3


จากกรณี น.ส.หทัยชนก หรือ น้องป.ปลา กลิ่นทอง เน็ตไอดอลในเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “ปอปลา ตากลม” อายุ 25 ปี ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิตภายใน บ้านพัก ต.บ้านแหลม อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยหลังจากเกิดเหตุทางญาติได้ติดใจในการตายของน้องป.ปลา ต่อมาทางด้าน นายกมล สินล้น สามีของน้องป.ปลา ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแหลม โดยรับสารภาพว่าวันเกิดเหตุได้มัการทะเลาะกับผู้ตายจริงและมีการแย่งปืนกัน ส่วนสาเหตุการตายนั้นรับว่าเป็นอุบัติเหตุ ทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนสภ.บ้านแหลม ได้แจ้งข้อหา “ฆ่าคนตายโดยเจตนา” พร้อมกับส่งตัวฝากขังศาลจ.เพชรบุรี แต่อย่างไรก็ดีทางครอบครัวของน้องป.ปลา ข้องใจในทางคดี โดยเชื่อว่าคนที่ลงมือยิงนั้นอาจจะไม่ใช่สามีแต่เป็นคนอื่น

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 มี.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม นายสะอาด เมืองเล็ก และ น.ส.ศิริรัตน์ กลิ่นทอง ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของ น.ส.หทัยชนก หรือ น้องป.ปลา กลิ่นทอง อายุ 25 ปี ผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยเพื่อน และญาติ ได้เดินทางมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม โดยนำหลักฐาน เอกสารรายงานชันสูตรศพ สำนวนคดีส่งศาล ภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ มามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อประกอบคำร้อง

นายสะอาด เปิดเผย ว่า หลังจากวันที่เกิดเหตุตนเชื่อมั่นว่าลูกสาวตนไม่ได้ฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ต่อมาทางสามีของลูกสาวได้ออกมามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ซึ่งตนและครอบครัว ก็ยังไม่เชื่อว่าสามีของลูกสาวจะเป็ยคนร้ายตัวจริง โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นคนใกล้ชิดบุคคลอื่นมากกว่า โดยมีปมพิรุธหลายข้อ เท่าที่ตรวจสอบดูมีจำนวน 14 ข้อสงสัย โดยเฉพาะลายนิ้วมือแฝงที่ปืน ทำให้ตนพร้อมครอบครัวจึงได้ตัดสินใจเเดินทางเข้ามาร้องขอความเป็นธรรมจากตำรวจกองปราบเพื่อให้เข้าไปช่วยทำคดีดังกล่าวใหม่ เพื่อความชัดเจนและความถูกต้องให้กับลุกสาวสาว

ด้าน พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. เปิดเผยหลังรับเรื่องร้องเรียน ว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนกก.5 บก.ป. ให้ลงไปตรวจกรณีที่ทางผู้เสียหายสงสัย โดยเฉพาะเรื่องลายนิ้วมือบนปืนที่ตกอยู่ในเกิดเหตุ ทั้งนี้ได้ตรวจสอบในเบื้องต้นแล้วพบว่าดีเอ็นเอบนปืนมีมากกว่า 2 คน แต่ในส่วนลายนิ้วมือมีน้อยเกินต่อการตรวจสอบระบุว่าตัวบุคคลได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครอบครัวและเพื่อนของ น.ส.หทัยชนก หรือ น้องป.ปลา กลิ่นทอง ได้ถือรูปผู้ตาย พร้อมหนังสือร้องเรียน และเอกสารที่พิมพ์ระบุข้อสงสัยทั้ง 14 ข้อ เดินเข้ามา ก่อนที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวน สำหรับข้อสงสัย 14 ข้อที่ทางครอบครัวผู้ตายระบุไว้มีดังนี้

1. ขณะพบศพ น.ส.หทัยชนก กลิ่นทอง ภายในบ้าน นานชะลอ สินล้น บิดาสามีผู้ตาย ซึ่งมีตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน และมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่มาก ได้จับต้องสไลด์กระสุนปืน และเคลื่อนย้ายอาวุธปืนก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจและพิสูจน์หลักฐาน
2. ปืนที่เป็นหลักฐานทางคดีเป็นปืนมีทะเบียนไม่ใช่ของผู้ตาย 3. หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนแจ้งสาเหตุการตายทันทีว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติ ฆ่าตัวตาย ทั้งที่สภาพที่เกิดเหตุลักษณะการยิง ลักษณะบาดแผล และวิถีกระสุนขัดต่อข้อเท็จจริงการฆ่าตัวตาย ส่อพิรุธหลายอย่างทำให้เชื่อได้ว่า น.ส.หทัยชนก ไม่น่าจะยิงตัวเองตาย

4. ขณะเกิดเหตุไม่พบหัวกระสุนแต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหัวกระสุนมาส่งพิสูจน์หลักฐานเพชรบุรีในวันหลัง 5. ในวันเกิดเหตุโทรศัพท์มือถือของผู้ตายหายไป และต่อมานายชะลอ สินล้น บิดาสามีผู้ตาย ได้นำมามอบให้พนักงานสอบสวน สภ.บ้านแหลม แต่ปรากฎข้อมูลในโทรศัพท์ถูกลบทำลายไปทั้งหมด

6. พนักงานสอบสวนของสภ.บ้านแหลม ผู้ทำคดีไม่ส่งหลักฐานบางชิ้นโดยเฉพาะไม่มีการตรวจสอบเขม่าดินปืน น.ส.พณพร นิติคุปต์ มารดาสามีผู้ตาย ให้พิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และมีการปิดบังหลักฐานทางคดีบางประเด็นต่อบิดาและมารดาผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้เสียหาย กระทั่งข้าพเจ้านายสะอาด เมืองเล็ก บิดาผู้เสียชีวิตและ น.ส.ศิริรัตน์ กลิ่นทอง มารดาผู้เสียชีวิต พร้อมญาติกว่า 50 คน ได้ทักท้วงเดินทางเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี (ในขณะนั้น) ให้มีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 60 หรือหลังเกิดเหตุไปนานกว่า 1 เดือน เนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า พนักงานสอบสวนจึงส่งหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่มไปในภายหลัง

7. แม้ พล.ต.ต.สุรพงษ์ จะสั่งให้มีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวน และผู้ควบคุมคดี ต่อมานายกมล สินล้น สามีผู้ตายซึ่งเป็นสามีผู้ตาย เข้ามอบตัวต่อ พนักงานสอบสวนสภ.บ้านแหลม และสารภาพว่าเป็นใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. ยิง น.ส.หทัยชนก ผู้เป็นภรรยาเสียชีวิต โดยอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุทะเลาะยื้อแย่งจนปืนลั่นแต่ปรากฎ ว่าขณะสอบสวนยังมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในสภ.บ้านแหลม เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีอยู่ และพนักงานสอบสวนคนเดิมยังเข้ามานั่งบงการในการสอบปากคำ ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีแล้ว ทำให้การทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคนใหม่ไม่เป็นโดยอิสระ

8. การเข้ามอบตัวของนายกมล เป็นการมอบตัวก่อนออกหมายจับเพียง 1 วัน เชื่อว่ามีการส่งสัญญาณคดีให้กับ นายกมล และผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี เข้ามอบตัวทั้งที่ไม่มีการออกหมายจับหรือหมายเรียก เพื่อประโยชน์ในการประกันตัวในการต่อสู้คดี 9. คำให้การในการมอบตัวของนายกมลมีพิรุธชัดเจน เนื่องจากหลังเกิดเหตุนายกมลให้การในเบื้องต้นต่อพนักงานสอบสวนและยืนยันกับญาติทุกฝ่ายหลายครั้งว่า น.ส.หทัยชนก ยิงตัวตาย

10. ผลนิติวิทยาศาสตร์รายงานถึงญาติผู้ตายช้าเกินกว่าความเป็นจริงกล่าวคือใช้เวลานานกว่า 2 เดือน 11. ผลตรวจเขม่าปืนพบพิรุธน่าสงสัยเนื่องจากรายงานว่าไมม่พบเขม่าปืนในมือ น.ส.หทัยชนก ผู้ตาย ไม่พบในมือในนายกมล สามีผู้ตาย ซึ่งอ้างว่าเกิดการยื้อแย่งจนปืนลั่นน่าจะพบในมือทั้ง 2 คน

12. ผลตรวจไม่พบเขม่าปืนในมือนายชะลอ บิดาสามีผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้หยิบปืนมาสไลด์ลูกที่เหลืออก ทั้งที่เมื่อหยิบปืนหลังเกิดเหตุน่าจะปรากฎคราบเขม่าติดอยู่บ้าง ในประเด็น 11 และ 12 นี้จึงเป็นเหตุในน่าสงสัยในการทำงานของเจ้าหน้าที่ 13. การทำแผนประกอบคำรับสารภาพนายกมลอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุปืนลั่นจากการยื้อแย่งปืน ไม่สอดคล้องกับสถานที่เกิดเหตุและวิถีกระสุนเนื่องจากรอยกระสุนในที่เกิดเหตุพบอยู่บนผนังอาคารลักษณะเยื้องขึ้นสูง แต่บาดแผลกระสุนที่ปรากฎพบรอยเข้าที่ดั้งจมูกผู้ตายและทะลุออกหลังศีรษะซึ่งค่อนข้างตรง

และ 14. คำให้การของบุคคลที่อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุที่สอบปากคำในวันแรกซึ่งกล่าวหาว่าผู้ตายฆ่าตัวตายและต่อมา ยอมรับว่าเป็นการฆาตกรรม ลักษณะขัดแย้งไม่ตรงกันเป็นที่น่าสงสัย