จับแก๊งค์ตุ๋นร้านชำ ประวัติโชกโชน ก่อเหตุทั่วปท.นับร้อยคดี
ตำรวจแปดริ้วรวบแก๊งค์ตุ๋น แต่งกายปลอมเป็นเซลล์จำหน่ายสินค้า ของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
และต้นตำหรับแห่งวงการร้านค้าสะดวกซื้อยักษ์ใหญ่ในเมืองไทย ออกตระเวนลวงร้านค้าของชำมาอย่างโชกโชนทั่วประเทศ มีทั้งตุ๋นเงินสดและฉ้อโกงยักยอกสินค้ามานับร้อยคดี เผยมีหมายจับในหลายท้องที่ ขณะผู้เสียหายทั่วจังหวัดนับสิบรายบุกรุมชี้ตัวแน่น
วันที่ 21 เม.ย.60 เวลา 13.40 น. พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ทำการควบคุมตัว นายอนุรักษ์ บุญณะ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/1 ม.3 ต.บ้านแพน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา นายประเสริฐ กิจเขตร์ อายุ 50 ปี 49/1 ม.3 ต.บ้านแพน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา นายชรินทร์ สาลีนาค อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 ซ.ริมแม่น้ำแควน้อย (ค) ต.เสนา อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา นายอมรเทพ วงศ์คล้าย อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 264 ม.1 ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี สี่ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงทรัพย์มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
ยังที่บริเวณชั้น 2 กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ฉะเชิงเทรา หลังการจับกุมตัวได้ พร้อมของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สี่ประตูสีขาว หมายเลขทะเบียน 3กฎ-7437 กรุงเทพฯ และสินค้าเบ็ดเตล็ดประจำร้านค้าของชำทั่วไป อีกจำนวนหนึ่ง
โดย พล.ต.ต.ธีรพล กล่าวว่า หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นร้านค้าของชำประจำหมู่บ้านและตำบลในหลายท้องที่ว่า ได้มีแก๊งค์ต้มตุ๋นออกมาตระเวนล่อลวงร้านค้าโดยแสดงตนเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าส่ง มาจากห้างฯ ของผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่เป็นมิตรกับร้านค้าของชำและมีเครือข่ายเป็นร้านค้าสะดวกซื้อชื่อดังรายใหญ่ของประเทศไทย (CP)
ด้วยการทำบัตรประจำตัวพนักงานปลอม และแขวนคอออกมาตระเวนหลอกลวงขายสินค้าให้แก่ประชาชนในลักษณะของการค้าส่งให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าของชำประจำหมู่บ้านในท้องที่ต่างๆ จนทำให้มีประชาชนหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อ และได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมากหลายราย โดยแต่ละรายนั้นมีมูลค่าความสูญเสียเป็นเงินสดให้แก่คนร้ายแก๊งค์นี้ไปไม่ต่ำกว่ารายละ 30,000-40,000 บาท จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ออกติดตามจับกุมตัวแก๊งค์คนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
และในวันที่ 20 เม.ย.60 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา นำโดย พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย ผกก.สส. ภ.จว. ฉช. จึงสามารถทำการจับกุมตัวแก๊งค์คนร้ายกลุ่มนี้เอาไว้ได้จำนวน 4 คน จากภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในเขต ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงได้ทำการควบคุมมาทำการสอบสวนจนทราบว่า กลุ่มคนร้ายแก๊งค์นี้ ได้เคยก่อเหตุมาแล้วอย่างโชกโชน ในหลายท้องที่ หลายจังหวัดทั่วทั้งประเทศ และถูกออกหมายจับจากท้องที่ต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก
เช่น สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ สภ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ สภ.หัวทับขัน จ.ศรีษะเกษ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี สภ.สระแก้ว จ.สุพรรณบุรี สภ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา สภ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา สภ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา สภ.วังคู จ.ฉะเชิงเทรา สภ.เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา มีมากถึง 3 หมาย สภ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี สภ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ สภ.เอราวัณ สภ.เชียงกลม จ.เลย
ทั้งนี้เชื่อว่ายังคงมีประชาชนหรือร้านค้าอีกเป็นจำนวนมาก ที่ตกเป็นเหยื่อและยังไม่มีการเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะอาจจะเกิดความอับอาย หรือเกรงกลัวเสียชื่อเสียงว่าเคยถูกแก๊งค์คนร้ายต้มตุ๋นหลอกลวงเงินอีกนับร้อยคดี ซึ่งในขณะนี้มีประชาชนบางส่วนเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาดูตัว และชี้ตัวยืนยัน รวมถึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมอีกจำนวนหลายรายแล้ว พล.ต.ต.ธีรพล กล่าว
และกล่าวว่า หลังการจับกุมผู้ต้องหา ได้ให้การยอมรับสารภาพ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า \"ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์\" เอาไว้ก่อน เพื่อนำตัวส่งไปให้แก่ทางพนักงานสอบสวนในท้องที่ต่างๆ ในเขตพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ทำการสอบสวนดำเนินคดี ส่วนคดีปลอมแปลงเอกสารนั้นยังคงต้องรอให้ทางบริษัทเจ้าของตราโลโก้การจำหน่ายสินค้า เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ในการดำเนินคดีเกี่ยวกับการปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอมอีกครั้ง พล.ต.ต.ธีรพล กล่าว
ขณะเดียวกันได้มีผู้เสียหาย ที่ถูกแก๊งค์ต้มตุ๋นรายนี้ล่อลวงและฉ้อโกง ได้เดินทางเข้ามาดูการแถลงข่าว และมีการชี้ตัวยืนยันให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาอีกนับสิบราย พร้อมกับมีการสาปแช่งคนร้ายด้วยความโทสะ ท่ามกลางกลุ่มผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยนางวิรัตน์ เกตุสุวรรณ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110/8 ม.8 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ร้านค้าของตนเพิ่งเปิดได้ไม่นาน ได้ถูกแก๊งค์คนร้ายได้เข้ามาแสดงตัว พร้อมกับมีการแขวนบัตรห้อยคอของทางบริษัท CP และนำแคตตาล็อก รายการสินค้าเข้ามาเสนอขายให้ โดยมีการเสนอเงื่อนไขในการขายให้ด้วยว่า หากทางร้านค้าของตนอยากจะเป็นตัวแทนประจำหมู่บ้าน หรือประจำตำบลในการขายสินค้าของทางบริษัทให้แก่ร้านค้าย่อยรายอื่นๆ จะต้องมีการลงทุนสั่งสินค้าล็อตใหญ่เป็นจำนวน 3-4 หมื่นบาท สำหรับเพื่อเป็นตัวแทนระดับหมู่บ้าน
และ 5-6 หมื่นบาท สำหรับการเป็นตัวแทนในระดับตำบล และทางบริษัทจะมีสิ่งตอบแทนเป็นเชลชั้นวางของ ตู้แช่เย็น เอามาลงให้ฟรีทั้งหมด พร้อมด้วยการบริการนำสินค้ามาส่งให้ถึงที่จนถึงร้านค้า ในราคาส่ง ซึ่งถูกกว่าการเดินทางไปซื้อนำมาจำหน่ายเองจากทางห้างฯ หรือร้านค้าส่งทั่วไป อีกด้วย
ซึ่งตนเองนั้นได้เห็นว่ากลุ่มคนที่เข้ามานำเสนอเงื่อนไขเหล่านี้นั้น มีความน่าเชื้อถือ เพราะมีการแขวนบัตรพนักงานของผู้ค้าปลีกและสะดวกซื้อรายใหญ่ และมีการแสดงตนเป็นลำดับชั้น มีหัวหน้ามีลูกน้อง และมีผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเดินทางมานำเสนอขายสินค้าให้ด้วยตนเอง จึงได้จ่ายเงินให้ไปตามจำนวนเงินของการเปิดเงื่อนไขในระดับหมู่บ้าน คือ 4 หมื่นบาท จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้ทำที มีการลงของให้จนเสร็จสิ้น และก็พากันขับรถออกไป
แต่หลังจากที่ตนได้เข้ามาตรวจสอบสินค้า เพื่อที่จะนำขึ้นออกมาวางขาย กลับพบว่าสินค้าที่ได้มานั้นมีมูลค่าแค่เพียงไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาท และเมื่อเปิดดูลังสินค้ากลับพบว่า ลังสินค้าที่แก๊งค์คนร้ายยกลงมาวางไว้ให้นั้นเป็นแค่เพียงลังเปล่า หรือบางลังมีสินค้าแค่เพียงนิดเดียวมูลค่าไม่ถึง 100 บาท จึงได้แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามจับกุม แต่ในขณะนั้นยังจับกุมอะไรไม่ได้ นางวิรัตน์ กล่าว
นางสาคร นวลศิริ อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.1 ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะชิงเทรา ซึ่งได้เดินทางมาดูและชี้ตัวผู้ต้องหาพร้อมกล่าวสาปแช่ง กล่าวว่า แรกๆ ก็รู้สึกอับอายที่ถูกหลอก โดยเฉพาะลูกๆ ที่พากันห้ามไม่ให้มา จึงไม่ได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเอาไว้ แต่ขณะนี้ไม่อายแล้ว หลังตำรวจจับกุมตัวได้จึงรู้สึกสบายใจขึ้น หลังจากคับแค้นใจมานานแล้ว และจะไปทำบุญปิดทองหลวงพ่อโสธรสะเดาะเคราะห์ในวันพรุ่งนี้เลย นางสาคร กล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวยังพบด้วยว่า ภายในรถยนต์ของคนร้ายนั้น ยังคงมีสินค้าที่คนร้ายจัดเตรียมนำเอามาไว้เพื่อเป็นการจัดฉาก ในการต้มตุ๋นร้านค้า ถูกบรรจุอัดแน่นมาจนเต็มที่ด้านหลังท้ายรถ แต่เมื่อลองเปิดไปดูกล่องสินค้าภายในบางกล่องมีสินค้าอยู่เพียงไม่กี่ชิ้น และบางกล่องยังคงเป็นกล่องเปล่า ที่ถูกนำมาจัดเตรียมเอาไว้ในการหลอกลวงอีกมากมายอีกด้วย