สอบ17รีสอร์ทเกาะพยามจ.ระนอง ปมรุกป่าสงวนแห่งชาติ

เจ้าหน้าที่ป่าไม้ร่วมกับทหาร-ตำรวจ สนธิกำลังเข้าตรวจสอบรีสอร์ท17แห่งบนเกาะพยาม จ.ระนอง คดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ
นายศุภชัย สุกใส ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่4 (ภาคใต้) สำนักป้องกันป่าและควบคุมไฟป่ากรมป่าไม้, ร.อ.ศักดิ์เขตต์ บุญพิทักษ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการข่าว หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี, ร.ต.ท.ไสว อินทร์กลั่น ชุดการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สายตรวจป่าไม้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพยาม ตำรวจ สภ.ปากน้ำระนอง สนธิกำลังรวมกันจำนวน 35 นาย เดินทางไปที่ ม.1ต.เกาะพยาม อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่กลางทะเลเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของจังหวัดระนอง เพื่อทำการตรวจสอบรีสอร์ทบ้านพักจำนวน17แห่ง ที่อาจจะมีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและบางส่วนของป่าชายเลนหรือไม่
เมื่อไปถึง นาศุภชัยได้เชิญเจ้าหน้าที่ทุกคนรับทราบรายละเอียดในการเข้าดำเนินการตรวจสอบ โดยแบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 2 กลุ่มพร้อมเครื่องมือ จีพีเอส ตลับเมตรวัดความยาว ซึ่งการเข้าตรวจสอบจะทำการตรวจสอบรีสอร์ทบ้านพักตากอากาศจำนวน 17 แห่ง คือ เขาควายบังกะโล กุญแจทองบังกะโล เอ็มพี รีสอร์ท ชมจันทร์บังกะโล มาลีน่าบังกะโล เลซีฮัท ลองบีช กรีนบีช ณัฐธิดาบังกะโล สตาร์ไลน์บังกะโล บ้านสวนกาหยู2แตงทองบังกะโล วิจิตบังกะโล อาจารย์พันบังกะโล บิ๊กทรีบังกะโล กิ่วลมบังกะโล และจังเกิ้ลบาร์ ซึ่งการตรวจสอบต้องใช้เวลา 2 วัน เพราะมีเนื้อที่ต้องตรวจสอบเป็นจำนวนมาก ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด แต่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจำกัด
นายศุภชัย กล่าวระหว่างการตรวจสอบว่า เบื้องต้นพบว่ารีสอร์ทบางแห่งมีการขยายพื้นที่จากที่ถือครอบครองอยู่เดิม ซึ่งเจ้าของอ้างว่าไม่ทราบเนื่องจากคิดว่าอยู่ในพื้นที่ซึ่งอยู่ในการครอบครอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการวัดพร้อมตรวจสอบด้วยเครื่องมือจีพีเอสโดยให้เจ้าของพื้นที่ตามดูแนวเขตพร้อมอธิบายให้ฟัง ซึ่งผู้ที่ทำการขยายที่เพิ่มก็พร้อมที่จะยอมคืนพื้นที่ให้แก่รัฐ
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า พื้นที่ที่เข้าตรวจสอบทั้ง17แห่งนี้ เจ้าของมีการถือครองด้วยสิทธิถือครองที่ทำกิน (สทก.) โฉนดชุมชน และ หนังสือ สปก. การตรวจสอบจะดูเรื่องที่ว่าที่ดินดังกล่าวมีร่องรอยการทำกินหรือไม่ เช่นการปลูกพืชอาสินต่าง ๆ โดยนำภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อปี 2545 เข้ามาทำการเปรียบเทียบเจ้าของที่ถือครองมีการเปลี่ยนมือกันหรือไม่ ซึ่งการเปลี่ยนมือต้องจำแนกว่าเป็นการเปลี่ยนมือโดยตกเป็นมรดกแก่ทายาท ซึ่งถือว่าไม่ผิด แต่หากเป็นการขายต่อให้กับคนนอกถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดขอคืนและดำเนินคดีรีสอร์ทบ้านักตากอากาศไปแล้วจำนวน11แห่ง
ครั้งนี้หากพบความผิด เจ้าหน้าที่ก็จะทำการตรวจยึด ขอคืนพื้นที่กลับมาเป็นของรัฐ แต่หากเจ้าของต้องการที่จะต่อสู้ทางกฎหมายเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการเช่นกัน ซึ่งการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ามีหลายแห่งที่ผิดกฎหมาย แต่ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียดว่าจุดไหนทำผิดกฏหมายบ้างผิดเรื่องอะไรบ้าง เพราะต้องตรวจสอบให้หมดทั้ง17แห่ง จากนั้นจะนำข้อมูลที่ตรวจสอบได้ทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการที่ประชุมระดับจังหวัดชุดแก้ไขปัญหาเรื่องการบุกรุกพื้นที่เกาะพยาม ดำเนินการทางกฎหมายและทำการขอคืนพื้นที่ในส่วนที่กระทำผิด