ในหลวง ร.9 ทรงสอนให้รู้จักปล่อยวาง

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ตามที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้สำนักพระราชวังจัดทำซุ้มประดิษฐาน พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิเศษไชยศรี และประตูมณีนพรัตน์ สำหรับให้ประชาชนได้นำดอกไม้ และพวงมาลัยมาถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในวันนี้ ซึ่งนับเป็นวันที่ 10 ว่าแม้สภาพอากาศจะร้อนอบอ้าวแต่เช้า แต่ประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งมาคนเดียว หมู่คณะ และครอบครัว ก็ไม่ย่อท้อ ทยอยเดินทางมากราบสักการะอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังและจิตอาสาฯ คอยอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ พสกนิกรแต่ละคนเผยความตั้งใจอยากมากราบสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมซึมซับบรรยากาศโดยรอยไว้ให้มากที่สุดก่อนจะถึงวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ

ผศ.บุญมา แฉ่งฉายา อายุ 71 ปี ชาวจังหวัดเพชรบุรี ข้าราชการครูบำนาญ สถาบันราชภัฏเพชรบุรี เล่าว่าก่อนหน้านี้เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แล้ว 17 ครั้ง กราบนอกกำแพงพระบรมมหาราชวัง 1 ครั้ง และวันนี้นำพวงมาลัยดอกดาวเรืองมาถวายสักการะ ด้วยคิดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ความจริงที่บ้านมีพระบรมฉายาลักษณ์รวมถึงรูปปั้นพระองค์อยู่มาก แต่อยากมาอยู่ใกล้ชิดพระองค์ให้ให้ที่สุด อีกทั้งวันถวายพระเพลิงคงไม่ได้มาร่วมงาน เพราะรู้ว่าคงมีประชาชนมากันจำนวนมาก

"พระองค์ท่านทรงทำทุกอย่างจนร่างกายเหนื่อยล้า ทำงานหนักยิ่งกว่ากษัตริย์องค์ใดในโลก สิ่งที่ท่านฝากไว้ให้ประชาชนนั้นมากมายสุดพรรณา ชัดเจนทที่สุดคือคำสอนเรื่องความพอเพียง พออยู่พอกิน และที่ผมกำลังดำเนินตามรอยท่านอยู่ตอนนี้คือการให้อภัย บอกกับตัวเองว่าต้องทำให้ได้ จะโกรธใครมากแค่ไหนต้องรู้จักปล่อยวาง ถ้าทำได้มีความสุขแน่นอน จริงๆ เรื่องปล่อยวางไม่ค่อยเข้าใจนะ แต่พอมีโอกาสไปโครงการพระราชดำริชั่งหัวมัน ก็คลิกทันทีว่า ถ้าตีความคำนี้ดีๆ คือการปล่อยมันไป ช่างหัวมัน ผมตีความเอง ใครจะคิดอย่างไรไม่รู้ ทุกวันนี้ผมมีที่ดินอยู่ 4 ไร่ ตั้งใจทำสวนศิลปะเทิดพระเกียรติ จัดวางประติมากรรมเกี่ยวกับพระองค์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ เป็นความอิ่มใจของคนวัยเกษียณที่อยากทำอะไรให้เป็นประโยชน์" อดีตครูสอนศิลปะ เผย

ด้าน น.ส.ธนิตา ชูชมงาม อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ อาชีพค้าขาย ที่มาพร้อมลูกชาย ด.ช.ชรันธร ชูชมงาม อายุ 8 ปี กล่าวว่า ตั้งใจเดินทางจากบ้านเกิดเพื่อมาถวายพวงมาลัยสักการระเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์โดยเฉพาะ เคยมากราบสักการะเบื้องพระบรมโกศ 2 ครั้ง พอทราบว่าในหลวง ร.10 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ขึ้นมา จึงอยากมาร่วมแสดงความอาลัยอีก

"ส่วนตัวเชื่อในการทำความดีตามคำที่ท่านสอน ถึงไม่ประสบความสำเร็จอะไรมาก อย่างน้อยก็คงไม่ทำให้ชีวิตตกต่ำ ง่ายๆ เลยอย่างเรื่องความพอเพียง พอมีเงินเก็บบ้าง ของจำเป็นก็ต้องซื้อ ไม่จำเป็นก็ตัดใจ ไม่ถึงกับตระหนี่ เพราะเคยมีเงินเก็บมากพอสมควร แต่ไม่นำออกมาใช้บ้างก็ไม่มีประโยชน์ เป็นคำสอนที่ใช้ได้จริง และมีประโยชน์มาก แม่อยู่ที่บ้านรักในหลวง ร .9 มาก มีรูปในหลวง ร.9 ติดเต็มไปหมด แล้วคิดถึงยามไหนก็มักให้เปิดเรื่องในหลวงจากอินเตอร์เน็ตให้ดู ตัวเองสมัครจิตอาสาเฉพาะกิจด้านบริการประชาชนไว้ด้วย วันถวายพระเพลิงทำหน้าที่เดินแจกน้ำและยาดมแก่ผู้มาวางดอกไม้จันทร์ อะไรที่พอทำถวายได้ก็รีบทำ" ธนิตา กล่าว

ขณะที่นางสาวปัทมา วีระไพสิทธิ์นุกูล อายุ 68 ปี ชาวไทยในรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกามาพร้อมพี่สาว นางจินตนา แซ่เล็ก อายุ 78 ปี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี โดยนางสาวปัทมา กล่าวว่า เป็นข้าราชการบำนาญของกรมทหารอเมริกัน ทำงาน อยู่อาศัย และมีครอบครัวที่สหรัฐมา 40 กว่าปี แต่ด้วยพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพใกล้จะถึง จึงตัดสินใจเดินทางกลับมาที่เมืองไทยในช่วงนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธี และจะเดินทางกลับช่วงกลางเดือนธันวาคม ทั้งนี้ คนไทยในจอร์เจียก็มีความรู้สึกไม่ต่างกับคนไทยที่นี่ ทุกคนต่างเสียใจในวันที่พระองค์สวรรคต คนไทยที่นั้นต่างเฝ้าติดตามข่าวสาร มีการทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลอยู่ตลอดในวัดไทย กระทั่งในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพก็จัดให้มีการถวายดอกไม้จันทน์ แต่ตัวเองและคนไทยบางส่วนก็เลือกเดินทางมาที่ไทย เพราะอยากมาชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศด้วยตาตัวเอง

"ตั้งใจเดินทางมาเพราะเราเป็นลูกของพ่อ ซึ่งตลอดพระชนม์ชีพของพ่อ ทรงช่วยเหลือลูกๆ พระราชทานโครงการต่างๆ พระราชทานคำสอนให้ลูกๆได้น้อมนำไปปฏิบัติใช้ ซึ่งดิฉันก็น้อมนำมาใช้ตลอด โดยเฉพาะเรื่องความพอเพียงในการดำเนินชีวิต แม้จะอยู่ต่างแดนก็ได้ผลกับชีวิต ส่วนจากนี้ก็ตั้งใจว่าจะขอสืบสานพระราชปณิธานและคำสอนของพระองค์ต่อไป" นางสาวปัทมา กล่าว