ญี่ปุ่นร้องไทยเพิ่มรางวัล1.1ล้าน นำจับคนฆ่าข่มขืนน.ส.โทโมโกะ
ครอบครัวน.ส.โทโมโกะ เข้าพบอธิบดีดีเอสไอ ทวงถามความคืบหน้าคดี พร้อมร้องขอให้เพิ่มรางวัลนำจับเป็น1.1ล้านบาท หวังได้ตัวคนร้ายฆ่าข่มขืน ด้านดีเอสไอเผยมีผู้แจ้งเบาะแสใหม่อาจมีชาวญี่ปุ่นเข้าข่ายต้องสงสัย เตรียมประสานทางการญี่ปุ่นตามตัวเพื่อตรวจดีเอ็นเอ
กรมสอบสวนคดิพิเศษ (ดีเอสไอ) - 30 พ.ย.60 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พร้อมพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของนางสาวโทโมโกะ คาวาชิตะ ( Tomoko Kawashita) นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นซึ่งถูกฆาตกรรมบริเวณวัดสะพานหิน ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เมื่อวันที่ 25 พ.ย.50 ให้การต้อนรับนายยาสึอากิ คาวาชิตะ บิ และนางเออิโกะ คาวาชิตะ บิดามารดาของน.ส.โทมาโกะ และคณะเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทยเพื่อขอบคุณดีเอสไอที่ดำเนินสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตของนางสาวโทโมโกะ โดยใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 2 ชั่วโมง
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ดีเอสไอรับคดีฆาตกรรมนางสาวโทโมโกะ เป็นคดีพิเศษตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 56 หลังเกิดเหตุเกือบ 6 ปี โดยรับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเก่า จ.สุโขทัยที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนลงพื้นที่เพื่อหาสืบสวนและหาพยานหลักฐานโดยตลอด โดยตรวจดีเอ็นเอผู้ที่อยู่ในพื้นที่แล้ว 300 ราย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นพร้อมทั้งได้ทยอยตรวจสอบเบาะแสอื่นๆที่มีผู้แจ้งเข้ามาตลอด ซึ่งต้องพิจารณาตามพยานหลักฐานว่าใช่คนร้ายหรือไม่ส่วนเบาะแสใหม่ที่ระบุว่าพบชาวญี่ปุ่นอยู่ในพื้นที่ 1 รายดีเอสไอจะประสานสถานทูตญี่ปุ่นเพื่อประสานต่อไปยังตำรวจญี่ปุ่นเพื่อตามตัวมาตรวจดีเอ็นเอ แต่ต้องขึ้นอยู่กับความยินยอมของเจ้าตัวด้วย
ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้ตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอกับกลุ่มบุคคลที่เชื่อว่าอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุจำนวนหลายรายแต่ผลการตรวจพิสูจน์ยังไม่ปรากฏว่ามีรายใดมีสารพันธุกรรมตรงกับตัวอย่างสารพันธุกรรมที่ตรวจพบบริเวณขอบกางเกงของนางสาวโทโมโกะ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าคดีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษมา 6 ปีแล้ว จึงทำให้พยานหลักฐานบริเวณที่เกิดเหตุมีการเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องยึดสารพันธุกรรมที่พบตรวจพบบริเวณขอบกางเกงของนางสาวโทโมโกะเป็นแนวทางหลักสืบสวนสอบสวน เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป ส่วนกรณีที่ญาติต้องการให้ดีเอสไอบูรณาการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ถิ่นนั้น ดีเอสไอจะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อสอบสวนร่วมกับตำรวจท้องที่ สำหรับเงินรางวัลนำจับสำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแส ซึ่งดีเอสไอตั้งไว้ 5 แสนบาท รวมกับตำรวจท้องที่อีก 5 แสนบาท และญาติผู้เสียชีวิตได้เพิ่มให้อีก 1 แสนบาท รวมเป็น 1.1 ล้านบาทนั้น ดีเอสไออยู่ระหว่างพิจารณาว่าสามารถเพิ่มเงินรางวัลในส่วนนี้ได้อีกหรือไม่
ด้านพ.ต.ท.ทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ รองผอ.กองคดีความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว กล่าวว่า การเก็บตรวจดีเอ็นเอขึ้นอยู่กับความสมัครใจของทุกคนที่มีข้อมูลว่าอยู่ใกล้พื้นที่เกิดเหตุ รวมถึงชาวญี่ปุ่นที่เข้าข่ายเป็นผู้ต้องสงสัยด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่มีหลักฐานว่าผู้ใดกระทำผิด ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่มาโดยตลอด ส่วนเบาะแสอื่นที่ได้รับแจ้งว่าก็ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ถ้าเชื่อถือได้ก็ต้องตรวจพิสูจน์ทราบต่อไป
ด้านนายยาสึอากิ คาวาชิตะ กล่าวว่า ตนได้ขอให้ดีเอสไอและตำรวจติดตามคดีต่อไป หากใครมีข้อมูลหรือเบาะแสขอให้แจ้งกับครอบครัวหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางการไทยได้ตั้งรางวัลนำจับไว้ที่ 1 ล้านบาท และแม้ว่าทางครอบครัวจึงสนับสนุนเงินรางวัลเพิ่มอีก 1 แสนบาท แต่ทางครอบครัวเห็นว่ายังเป็นจำนวนเงินที่น้อยเกินไป จึงขอให้ทางการไทยเพิ่มเงินรางวัล เพื่อเป็นแรงจูงใจในการติดตามจับกุมคนร้าย โดยหวังว่าดีเอสไอจะสามารถจับกุมคนร้ายได้ในเร็วๆ นี้