รวบหนุ่มเวียดนามและเจ้าหน้าที่ตรวจพืชสุวรรณภูมิ ลักลอบนำเข้านอแรดมูลค่ากว่า50ล้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ได้ร่วมกันจับกุมตัวนาย ฮัว เป็ก อายุ53ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมด้วยของกลางเงินสดจำนวน170,000บาท นอแรด จำนวน14หน่อ น้ำหนักประมาณ11กิโลกรัม มูลค่ากว่า50ล้านบาท ที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าทรงอ่อนสีดำขนาดใหญ่ ที่อยู่ภายในรถยนต์ยี่ห้อ ฟอร์ท4ประตู สีบอร์นเทา ทะเบียน ษม-2362กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถ ทองทานอพาร์ทเม้น ตั้งอยู่ภายในซอยกิ่งแก้ว39 / 3ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมทั้งจับกุมตัวนายนิกร วงจันทร์ อายุ42ปี พนักงานกรมวิชาการการเกษตร ด่านตรวจพืชประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้สืบทราบมาว่าจะมีขบวนการลักลอบนำเข้านอแรดมาจากฮ่องกง เข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย โดยมีพนักงานข้าราชการที่ขึ้นตรงกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ประจำอยู่ที่ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมขบวนการอยู่ด้วย จึงได้วางแผนเข้าจับกุมนายนิกร ซึ่งเป็นพนักงานกรมวิชาการการเกษตร ซึ่งปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่ด่านตรวจพืช ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจับกุมตัวได้ที่อพาร์ทเม้นดังกล่าว ก่อนขยายผล จนสามารถจับกุมตัวนายฮัว เป็ก สัญชาติเวียดนาม ที่ขับรถยนต์4ประตู ยี่ห้อ ฟอร์ท ทะเบียน ษม-2362กรุงเทพมหานคร มารับที่ลานจอดรถหน้าทองทานอพาร์มเม้น ก่อนคุมตัวทั้งสองมาทำการสอบสวนที่โรงพัก สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ
โดยนายนิกร ได้ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ตนได้รับการติดต่อจากนายชัย อายุประมาณ40ปี ที่รู้จักกันทางไลน์ ให้ช่วยคอยหิ้วกระเป๋าออกมาจากด่านตรวจภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ทีโดยให้ค่าจ้างกิโลละ3พันบาท ตนเห็นว่ารายได้ดีจึงได้ตกลงทำงานให้นายชัย โยทำมาแล้ว2ครั้ง จนกระทั้งในครั้งนี้ตนเห็นว่าที่ตนทำอยู่มันเสี่ยงกับหน้าที่การงานที่ตนทำอยู่จึงอยากจะเลิกทำ ซึ่งนายชัย ได้โทรศัพท์มาให้ตนเอากระเป๋าออกมาให้ตนอีก ตนจึงปฎิเสทไปว่าไม่อยากทำแล้ว นายชัยจึงได้ขึ้นค่าจ้างให้เป็นกิโลกรัมละ9พันบาท ตนจึงตอบตกลงและได้บอกว่าจะทำเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อช่วงหัวค่ำของวานนี้นายชัยได้โทรมาบอกให้ตนเข้าไปกระเป๋าใบดังกล่าวมาจากสายพานภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตนจึงเข้าไปรับและเลี่ยงเดินผ่านช่องตรวจของศุลกากรขึ้นไปออกที่บริเวณชั้น4ก่อนนำกระเป๋าใบดังกล่าวมาเก็บไว้ในรถรอจนกระทั้งเลิกงานตนจึงขับรถไปจอดที่ลานจอดรถที่อพาร์ทเม้นที่ตนพักอยู่ จนกระทั้งเมื่อช่วงสายของวันนี้นายชัย ได้โทรศัพท์มาบอกตนว่า หึคนมารับของตนจึงได้ลงมาเปิดประตูรถ นายฮัวเป็ก ซึ่งเป็นคนมารับของได้ยกกระเป๋าใบดังกล่าวขึ้นรถเตรียมออกขับออกไปแต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเอาไว้ได้
ขณะที่นายฉัวเป็ก ได้ให้การว่า ตนเป็นชาวเวียดนาม แต่มาอยู่ที่ประเทศลาวรอการติดต่อจากนายทุนชาวเวียดนามที่ว่าจ้างตนติดต่อมา และเมื่อ3วันก่อนนายทุนชาวเวียดนามได้โทรศัพท์มาหาตนและบอกให้ตนข้ามฝั่งมายังประเทศไทยทางด้านท่าแขก จังหวัดนครพนม และให้ตนหาทางไปขับรถที่จอดอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด มารับของที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจะรถยนต์อีกคันหนึ่งซึ่งเป็นคนไทย ขับรถติดตามมาห่าง ๆ เพื่อคอยโทรบอกเส้นทางจนกระทั้งถึงที่หมาย หลังตนขนของขึ้นรถเสร็จก็ถูกเจาหน้าที่มาจับกุมดังกล่าว ยอมรับว่าทำมาหลายครั้งแล้วได้รับค่าจ้างครั้งละ170,000บาทโดยใช้เวลาในการทำงานประมาณ3วันก่อนที่ข้ามกลับไปยังประเทศลาวเพื่อกบดาน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังได้จับกุมตัวนายเซน ผู้ต้องหาสัญชาติจีน ที่เดินทางมากับสายการบิน เอมิเรตส์เที่ยวบินที่EK7262/10 DECจากเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ไปต่อเครื่องที่เมืองดูไบ ประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรส เที่ยวบินที่EK 384/11 DECมายังกรุงเทพฯ ประเทศไทย ที่เป็นคนหิ้วกระเป๋าใบดังกล่าวเอาไว้ได้ก่อน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านด่านศุลกากร,ร่วมกันนำเข้าสัตว์หรือซากสัตว์คุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี,ร่วมกันครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานร่วมกันนำเข้าหรือนำผ่านซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์คุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีฯ ตามสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES)"ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป