ตามติดคดีลูกจ้างจอมแสบ ปลอมลายเซ็นเช็คสูญ 4.7 ล้าน

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 14 ธันวาคม 2560 นายณัฐกิตต์ (สงวนนามสกุล) และ น.ส.ประวีณา (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้เสียหายเจ้าของบริษัทกล้องวงจรปิด ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ทนงค์ โศภิษฐิกุล สว.(สอบสวน) สน.บางพลัด เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี หลังถูก น.ส.ชัญญาภัค (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี พนักงานการเงินของบริษัทฯ ปลอมลายเซ็นบนเช็ค จำนวน 162 ฉบับ นำไปเบิกเงิน 4.7 ล้านบาท เข้าบัญชีตัวเอง

นายณัฐกิตต์ เปิดเผยว่า ตนประกอบธุรกิจเกี่ยวกับกล้องวงจรปิดมานานถึง 12 ปี จนกระทั่งมาทราบเรื่องว่าถูกปลอมลาย เมื่อช่วงเดือน ก.พ.60 เพราะตน และภรรยาได้ทวงถามต้นขั้วเช็คกับ น.ส.ชัญญาภัค อายุ 35 ปี เนื่องจากเริ่มสงสัยในพฤติกรรม ต่อมา น.ส.ชัญญาภัค ได้หายตัวไปจากบริษัทฯ จากนั้นตนจึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ชัญญาภัค

ต่อมาช่วงเดือนตุลาคม ทางกองพิสูจน์หลักฐาน ได้ยืนยันว่า ลายมือในเช็คไม่ตรงกับลายมือชื่อของภรรยา โดยทางธนาคารได้ติดต่อกลับมาว่า จะชดใช้ค่าเสียหายให้ 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อรับผิดชอบกรณีไม่ตรวจสอบลายเซ็นของลูกค้า ว่าตรงกันหรือไม่

ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตนไว้ใจ น.ส.ชัญญาภัค เนื่องจากทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัทฯ อีกทั้งบริษัทของตนเป็นบริษัทฯ ขนาดเล็ก พนักงานการเงินจึงมีน้อย ประกอบกับน.ส.ชัญญาภัค ได้ปลอมแปลงรายละเอียดเอกสาร จึงทำให้เพิ่งมาทราบเรื่องตั้งแต่ช่วงปี 57 ว่า น.ส.ชัญญาภัคได้ทยอยปลอมลายเซ็นบนเช็คตั้งแต่หลักพัน-หลักแสน มาแล้วประมาณ 3 ปี จำนวน 162 ฉบับ รวมเป็นเงินกว่า 4.7 ล้านบาท

 

นายณัฐกิตต์ เปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ตนยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากความบกพร่องของตนด้วย อย่างไรก็ตาม อยากจะขอความเป็นธรรมเรื่องความรับผิดชอบของธนาคารที่มีต่อลูกค้า เพราะที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 3 ปี หากไม่มั่นใจในลายเซ็น น่าจะมีการโทรศัพท์มาสอบถาม แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีการโทรศัพท์มาตรวจสอบเลย

ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทุกครั้งที่มีการใช้เช็คจะได้รับการติดต่อจากธนาคารทุกครั้ง จึงอยากให้ทางธนาคารแสดงความรับผิดชอบ และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางพลัด เร่งดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

ซึ่งทราบว่าล่าสุดได้ออกหมายจับ น.ส.นพรัตน์ หรือน.ส.ชัญญาภัค หรือน.ส.กันตพัชร์ ตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน จ.517/2560 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2560 ในข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง ปลอมเอกสารตั๋วเงิน(เช็ค) และใช้เอกสารตั๋วเงิน(เช็ค)ปลอม ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

และพบว่าผู้ต้องหาเปลี่ยนชื่อแล้ว 3 ครั้งด้วย ซึ่งตนพอใจการทำงานของตำรวจ แต่อยากให้ธนาคารแสดงความจริงใจในการรับผิดชอบมากกว่านี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างปรึกษาทนายความที่จะดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งกับทางธนาคาร