อ้างตัวเป็นอัยการเรียกเงิน3ล้าน ค่าไกล่เกลี่ย-ไม่ฟ้องคดี

นักธุรกิจหนุ่มประดับยนต์ หอบเอกสารแจงพฤติการณ์-คลิปเสียง อ้างตัวเป็นอัยการเรียก 3 ล้าน ค่าไกล่เกลี่ย และไม่ฟ้องคดี
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 22 ม.ค.61 เวลา 10.30 น. นายธีระยุทธ์ สุวรรณรัฐ อายุ 33 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี นักธุรกิจอุปกรณ์ประดับยนต์ เดินทางมายื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด กรณีถูกบุคคลแอบอ้างเป็นอัยการ เรียกรับสินไหม 3 ล้านบาทเพื่อไกล่เกลี่ย และไม่ฟ้องคดี โดยมีนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนรับเรื่องเพื่อเสนอ อัยการสูงสุดต่อไป
นายโกศลวัฒน์ รองโฆษกอัยการ กล่าวว่า หลังจากนี้จะเชิญผู้ยื่นเข้าไปให้รายละเอียดเพิ่มเติม จะดูคำร้องโดยละเอียด และจะเชิญไปให้ข้อมูลในชั้นต้นว่ามีหลักฐานมีข้อมูลอะไร อย่างไร ก็จะรวบรวมเสนออัยการสูงสุดตามที่ผู้ร้องประสงค์ สำนักงานอัยการสูงสุดจะทำทุกอย่างไปตามกฎหมายและพยานหลักฐาน ขอดูพยานหลักฐานทั้งหมดก่อน ผลเป็นอย่างไรผู้บังคับบัญชาคงจะมีคำสั่ง และแจ้งให้สื่อมวลชนทราบต่อไป ส่วนระยะเวลารวดเร็วเพียงใดนั้นหากผู้ร้องให้ความร่วมมือเกี่ยวกับเรื่องพยานหลักฐานต่างๆ ที่นำส่ง ก็สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น และการเรียกผู้ที่ถูกร้องเรียนมาชี้แจงต้องทำอยู่แล้ว เราดำเนินการรับฟังทุกฝ่าย
ขณะที่ นักธุรกิจประดับยนต์ เปิดเผยว่า มีคนโทรศัพท์มาหาตน อ้างว่าเป็นอัยการจะไกล่เกลี่ยเรื่องทั้งหมดให้จบ เพื่อที่จะไม่ฟ้องคดีที่ตนมีข้อพิพาทอยู่กับบุคคลอื่น พร้อมเรียกเงิน 3 ล้านบาท แต่ในเบื้องต้นจะให้จ่ายก่อน 800,000 บาท ซึ่งวันนี้ได้นำคำร้องที่บรรยายถึงพฤติการณ์ของผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นอัยการเรียกเงิน พร้อมแนบพยานหลักฐานเป็นคลิปเสียงคำพูดของบุคคลดังกล่าวให้อัยการสูงสุดพิจารณาด้วย อย่างไรก็ดีในส่วนข้อมูลเชิงลึกตนไม่สามารถให้รายละเอียดได้มากกว่านี้
เมื่อถามว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดีอาญากับบุคคลดังกล่าวหรือไม่ นักธุรกิจประดับยนต์ ระบุว่า ขณะนี้ตนยังคงใช้การร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดก่อน และจะดูว่าอัยการสูงสุดจะมีดุลยพินิจอย่างไร ซึ่งเราก็หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม เพราะเราถึงที่สุดแล้วต้องมาร้องขอความเป็นธรรม โดยทุกอย่างเป็นดุลยพินิจของทางอัยการ ไม่ก้าวล่วงในส่วนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมถึงบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นอัยการนั้น ผู้เสียหายปฏิเสธที่จะบอกรายละเอียดเพราะเกรงว่าจะกระทบกับคดี และถูกดำเนินคดี อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าบุคคลดังกล่าวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพนักงานอัยการที่เรียกรับเงินนั้น เป็นพนักงานอัยการอยู่ในจังหวัดที่ใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ ซึ่งเคยรับราชการตำรวจมาก่อน โดยก่อนหน้านี้ผู้เสียหายเคยนำเรื่องนี้ไปร้องต่อรายการทีวีแห่งหนึ่ง