กองปราบเตรียมออกหมายจับเพิ่ม 5-6 ราย เอี่ยวบูมหลอกลงทุนบิทคอย เชื่อมโยงตระกูล “จารวิจิตร” เพิ่มอีก 5-6 ราย ยันยังไม่เกี่ยวข้องคนในตลาดหลักทรัพย์
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม มีการจับกุมตัวนาย จิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ บูม นักแสดงจากซีรี่ย์ความรักครั้งสุดท้าย ที่ถูกออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หลังมีผู้เสียหายชาวต่างชาติเข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกนายบูมและครอบครัว หลอกลงทุนสกุลเงินดิจิตอล ทำให้เสียหายกว่า 7 ร้อยล้านบาท ซึ่งนอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามยังมีการออกหมายจับนายปริญญา จารวิจิต และ นางสาวสุพิชย์ฌา จารวิจิต พี่ชายและพี่สาวของนายบูม ในข้อหาเดียวกันด้วย
ขณะที่บรรยากาศในช่วงเช้าวันนี้ที่กองปราบปราม ได้มีกลุ่มเพื่อนสนิทของ นายบูมเดินทางมาเยี่ยมและพูดคุยอยู่บริเวณหน้าห้องขังกองปราบปราม ก่อนที่จะเดินทางกลับเมื่อสื่อมวลชนเริ่มทยอยเดินทางมาเฝ้าติดตามความคืบหน้าในคดี
ยังมีรายงานว่าตลอดการสอบสวนและการคุมตัวไว้ตลอดทั้งคืน นายบูมยังคงให้การปฎิเสธ และยืนยันตามคำให้การเดิมคือไม่มีส่วนรู้เห็น โดยอ้างว่าบัญชีดังกล่าวถูกพี่ชายนำไปใช้
สำหรับที่มีการะแสข่าวว่า นางสาวสุพิชย์ฌา พี่สาวนายบูม มีการติดต่อขอเข้ามอบตัว จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากเจ้าหน้าที่กองปราบปราม และยังไม่พบว่านางสาวสุพิชย์ฌา เดินทางมามอบตัวตามกระแสข่าวแต่อย่างใด
ขณะที่ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. ระบุว่าสำหรับตัวนางสาวสุพิชย์ฌา เบื้องต้นได้มีการประสานผ่านคนกลางมาเพื่อขอเข้ามอบตัว หลังวานนี้ ปรากฏเป็นข่าวในสื่อ แต่การติดต่อมายังไม่ได้มีการระบุวันเวลาสถานที่ในการเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งสำหรับตัวนางสาวสุพิชย์ฌา ยังไม่พบข้อมูลว่ามีการหลบหนีออกนอกประทศ นอกจากนี้จากการสืบสวน มีข้อมูลพอที่คาดว่าจะสามารถออกหมายจับเพิ่มอีกประมาณ 5-6 คน ซึ่งจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องที่ยังไม่ใช่คนในตลาดหลักทรัพย์ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์
ในส่วนของตัวนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ บุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดหลักทรัพย์ ที่เข้ามาพบรองผู้บังคับการปราบปราม เพื่อเข้าชี้แจ้งอ้างว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้เช่นเดียวกัน พ.ต.อ.ชาคริต ระบุว่า แต่จากการสืบสวน รวบรวมหลักฐานเจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลที่เชื่อได้ว่านายประสิทธิ์ อาจจะมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
จากการตรวจสอบ 3 บริษัท ที่มีการเปิดทั้งในประทเศไทยและฮ่องกง ยังพบว่านายปริญญา เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว และจากการตรวจสอบทะเบียนการค้าทั้งสามบริษัท พบว่ามีคนในตระกูลจารวิจิตร เข้าร่วมมีส่วน และบางบริษัทที่มีการแอบอ้างกับผู้เสียหายไม่มีตัวตนจริง นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวอีกหลายบริษัท ซึ่งตำรวจกองปราบปรามอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน
และสำหรับตัวนายปริญญา เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่าเคยมีประวัติถูกออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกรอีกด้วย
โดยในเวลาต่อมา พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายบูม ไปขออำนาจศาลอาญารัชดาฝากขัง โดยนายบูมไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆกับสื่อมวลชน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายสูงเกรงจะหลบหนี
สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการนี้ หลอก นักลงทุนชาวต่างชาติชื่อนายอาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ ชาวฟินแลนด์ ให้ร่วมลงทุนเหรียญ bitcoin ให้มาลงทุนในประเทศไทยโดยนำเหรียญดังกล่าวไปเปลี่ยนเป็นอีกหนึ่งสกุลเพื่อลงทุนต่อไปยังตลาดหลักทรัพย์และนำไปใช้ใน บ่อนการพนันที่มาเก๊า แต่ไม่มีการนำเงินไปลงทุนอย่างที่กล่าวอ้างแต่นำเงินดังกล่าวไปหมุนเวียนใช้จ่ายภายในครอบครัว และใช้เงินซื้อที่ดิน ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่สามสนถอายัดเงินได้แล้วกว่า200ล้านบาท จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีบัญชีที่เกี่ยวข้องกว่า 40บัญชี